บอร์ด กสทช. นัดถกวาระพิเศษ 12 มี.ค.67 ปมสรรหาเลขาฯ กสทช. หลังไร้วี่แววรับรองรายงานการประชุม ยก 2 คดี หาทางออก มอบสำนักงานหาแนวทางที่เหมาะสม 4 เรื่องสำคัญ ชงที่ประชุมรอบหน้า
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. ยังไม่มีการรับรองรายงานการประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 และวาระปกติเมื่อวันที่ 20 ก.พ.67 ที่มติเสียงข้างมากไม่รับพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ของนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. และรองเลขาธิการ กสทช. กรณีคัดค้านมติที่ประชุม กสทช. เพื่อสรรหาเลขาธิการ กสทช. เนื่องจาก กสทช. ไม่มีฐานอำนาจรองรับ เพราะมีกรรมการ กสทช. บางรายขอแก้ไขมติเพื่อให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ซึ่งต้องระบุว่า ไม่เห็นชอบการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ตามที่ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เสนอ เนื่องจากกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น จึงยังไม่มีหนังสือแจ้งไปยังนายไตรรัตน์ ให้ได้รับทราบ
ส่วนกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น รายงานข่าวระบุว่า จำเป็นต้องหยิบยก 2 คดี มาพิจารณาประกอบ ได้แก่ 1.กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งยกฟ้องในคดี นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.สรณ เป็นจำเลย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดสำเนาคำพิพากษา
2.คดีที่นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้อง นพ.สรณ และกรรมการ กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งหรือประกาศหรือคำวินิจฉัยผลการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ รวมทั้งการกระทำทางปกครองที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดโดยให้มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ และใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทำให้ผลการพิจารณาเกิดความไม่เป็นธรรม 2.ขอให้กรรมการ กสทช. ออกระเบียบหรือประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการในคัดเลือกหรือการประเมินความรู้ความสามารถเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาเลขาธิการกสทช. ใหม่ให้ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้ กสทช. นัดประชุมเป็นวาระพิเศษในวันที่ 12 มี.ค.67
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นพ.สรณ ได้เปิดให้กรรมการ กสทช. เล่าถึงภารกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง ดร.พิรงรอง รามสูต ได้เสนอให้ กสทช. กำหนดทิศทางธุรกิจทีวีดิจิทัลของไทยให้ชัดเจน เนื่องจากใบอนุญาตประกอบกิจการ 15 ปี จะหมดอายุในปี 2572 ประกอบกับที่ผ่านมา กสทช. ได้ทำการศึกษาแพลตฟอร์มกลางบนพื้นที่ออนไลน์ที่รวบรวมช่องรายการของผู้รับใบอนุญาตให้ง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชนด้วย ขณะที่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ได้เสนอให้นำเรื่องวิทยุดิจิทัล ที่จะต้องมีความชัดเจนในปลายปี 67 นี้ รวมเป็นอีกเรื่องที่ต้องนำมาระดมความเห็น และกำหนดความชัดเจนด้วย
ดังนั้น นพ.สรณ จึงสรุปว่า ควรให้สำนักงานจัดทำเวิร์กชอป หรือระดมความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางการกำกับดูแลของ กสทช. ในเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่องทีวีดิจิทัล แนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 3500 เมกะเฮิรตซ์.ธุรกิจการให้บริการเนื้อหา เช่น ภาพยนต์ รายการโทรทัศน์ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT) และเรื่องวิทยุดิจิทัล โดยสำนักงานเสนอต่อที่ประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาถึงแนวทางที่เหมาะสมในการประชุมครั้งถัดไป ในวันที่ 20 มี.ค.67