กระทรวงดีอี ผนึกกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลจับกุม 'เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ' ลักลอบขายข้อมูลลูกค้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานแถลงข่าวจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จากการบูรณาการระหว่างกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ซึ่งมีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle Eye เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล ศูนย์ PDPC Eagle Eye ระบุว่า ได้ประสานงานกับกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อตรวจสอบและขยายผลการดำเนินคดีกับผู้ละเมิด โดยมีการจับกุมนายสุวรรณ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อสถาบันการเงินภาคเอกชนแห่งหนึ่ง ลักลอบนำข้อมูลลูกค้ามาดัดแปลง แก้ไข และนำไปจำหน่ายต่อให้กลุ่มที่สนใจ เช่น ตัวแทนสินเชื่อ ตัวแทนประกัน ซึ่งบางกรณีตกไปอยู่ในมือของกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับในความผิดฐาน “ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560
"ตั้งแต่ 9 พ.ย.66 ถึง 8 ก.พ.67 ศูนย์ PDPC Eagle Eye ตรวจพบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสม 5,869 เรื่อง บนเว็บไซต์ของหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์กรท้องถิ่น ประกันภัย สาธารณสุข รวมถึงการเงิน และการขายข้อมูลบน Facebook 54 เรื่อง ทำให้ต้องเข้าแก้ไขและปิดกั้น นำไปสู่การจับกุมผู้ที่ลักลอบขายข้อมูลออนไลน์ 1 ราย และกำลังติดตามจับกุมอีก 2 ราย เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในอนาคต" พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าว
นายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) กล่าวว่า PDPC พร้อมหน่วยงานร่วมมือเพิ่มมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รับมือภัยออนไลน์ โดยจะเร่งรัดและเคร่งครัดในการตรวจ ปราบปราม ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล และการลักลอบซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกไม่รอลงอาญา 2 ปี
"รัฐบาลเร่งปราบปรามการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงดีอีผลักดันให้การแก้ปัญหาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของกระทรวง เพื่อต่อสู้กับการหลอกลวงและการขายข้อมูลผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเร่งปรับกฎหมายให้มีโทษหนักขึ้น สำหรับผู้ซื้อขายข้อมูลผิดกฎหมาย โดยผู้เสียหายสามารถร้องเรียนกับ PDPC เพื่อขอความเป็นธรรมทางปกครองและทางแพ่งได้" นายประเสริฐ กล่าว