Google ประกาศรีแบรนด์ Bard เครื่องมือ Chat Generative AI ให้กลายเป็นชื่อเดียวกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่กูเกิลพัฒนาในชื่อ Gemini โดยหลังจากนี้จะสามารถเข้าถึงได้ผ่าน gemini.google.com รวมถึงเตรียมปล่อยให้ผู้ใช้งาน Android และ iOS เข้าใช้งาน พร้อมกันนี้ ลูกค้า Google One สามารถเข้าถึง Gemini Ultra 1.0 ที่เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (Advance) เมื่อสมัครใช้บริการ
โดยในวันนี้ผู้ที่ใช้งาน Bard จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งการเปลี่ยนชื่อ Bard เป็น Gemini รวมถึงช่องทางในการเข้าถึงต่างๆ ส่วนแอปที่ใช้งานบน Android จะเริ่มทยอยปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่าน PlayStore ส่วนใน iOS จะเป็นการเรียกใช้งานผ่านแอป Google ที่ Gemini จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อจำกัดในการทำงานของระบบปฏิบัติการ
รวมถึงเครื่องมืออย่าง Duet AI ที่อยู่ใน Google Workspace จะปรับชื่อสู่ Gemini เช่นเดียวกัน เพื่อให้การสื่อสารถึง Generative AI ของ Google หลังจากนี้ไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ใช้งาน Android ยังสามารถเข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้เพิ่มเติมผ่านระบบ Google Assistant ในเครื่อง ที่เดิมจะเรียกใช้งานเมื่อกดปุ่มหน้าแรก (Home) ค้างไว้ ที่เมื่อมีการอัปเดตระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ Gemini จะผสานเข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้เข้าใช้งานได้ ทำให้หลังจากนี้สามารถแชตกับ Gemini ได้บนหน้าจอทันที
พร้อมกันนี้ Google ได้นำความล้ำของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง Gemini Advanced (Ultra 1.0) มาเปิดทางให้ผู้บริโภคได้ใช้งานแบบเสียค่าบริการ โดยผู้ใช้งาน Google One ที่สนใจสามารถเข้าไปเลือกสมัครแพกเกจ AI Premium Plan ในราคาเดือนละ 750 บาท เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงการทำงานของ AI ขั้นสูงได้เพิ่มเติม
ทั้งนี้ Google ได้แบ่งความฉลาดของโมเดลภาษา Gemini ไว้ด้วยกันทั้งหมด 3 ระดับคือ Gemini Nano ที่เหมาะกับการนำไปใช้งานในอุปกรณ์พกพา หรือการประมวลผลภายในอุปกรณ์ Gemini Pro ที่ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้เข้าถึง สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ และ Gemini Ultra โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถประมวลผลข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อนสูง และมีความแม่นยำมากที่สุดในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการ Generative AI มาใช้เพื่อช่วยงานส่วนตัว ยังสามารถเข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้แบบไม่เสียค่าบริการ ทั้งบนสมาร์ทโฟน และผ่านหน้าเว็บไซต์ แต่ก็แลกมากับการที่ Google จะคอยเรียนรู้จากการใช้งานของเราไปด้วยนั่นเอง