กสทช. ตำรวจขยายผลเอาผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังนำมาตรการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลเบอร์ต้องสงสัยกว่า 41,398 หมายเลข เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป ย้ำนโยบายเร่งด่วนจัดการซิมผี ให้ประชาชนที่ถือครองซิมเกิน 5 เลขหมายลงทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนด
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยี กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงมาตรการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเบอร์ต้องสงสัยเพื่อเอาผิดผู้ถือครองเบอร์ที่คนร้ายใช้ ย้อนหลังไปถึงวันที่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลใช้บังคับ (17 มี.ค.66)
โดยได้รับเบอร์ต้องสงสัยเป็นจำนวนถึง 41,398 หมายเลข แบ่งเป็นเบอร์ที่มีผู้แจ้งผ่านช่องทาง Thaipoliceonline.com และ หมายเลขด่วน 1441 จำนวน 11,219 หมายเลข และเป็นเบอร์ที่ผูกกับบัญชีต้องสงสัย 30,179 หมายเลข
ขณะนี้สำนักงาน กสทช.ร่วมกับ สตช. ตรวจสอบวิเคราะห์หมายเลขดังกล่าว แล้วประสานข้อมูลการใช้จากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งในส่วนของข้อมูลผู้ถือครอง ข้อมูลการใช้ ตำแหน่งที่อยู่ขณะใช้ และข้อมูลการชำระค่าบริการ นำส่งข้อมูลให้ตำรวจนำไปขยายผลไปถึงผู้กระทำผิด
ตลอดจนให้มีพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลซิมแบบเรียลไทม์ ระหว่างตำรวจ กสทช ผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถต่อกรกับอาชญากรออนไลน์ได้อย่างทันท่วงที
ส่วนในกลุ่มซิมการ์ดที่พฤติการณ์น่าสงสัย เช่น มีความถี่ในการโทร.เป็นจำนวนมาก จดทะเบียนภายใต้ชื่อเดียวกันและมีการร้องเรียนเข้ามา ซิมที่ใช้จดทะเบียนอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งที่ผูกกับบัญชีม้า กสทช. จะประสานผู้ประกอบการระงับการใช้งานซิมในกลุ่มนี้ทั้งหมด
รวมถึงการใช้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจัดการขั้นเด็ดขาดกับซิมผีและบัญชีม้านั้น ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ได้กำชับคณะอนุกรรมการให้เร่งรัดออกประกาศ กสทช. เพื่อให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมาก (มากกว่า 5 ซิมขึ้นไป) มายืนยันตนภายในกำหนด เพื่อทราบข้อมูลผู้ถือครองและผู้ใช้ที่เป็นปัจจุบัน
ทั้งนี้ ประกาศ กสทช. ว่าด้วยการยืนยันตนและข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ คณะกรรมการ กสทช. ได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศไปเมื่อวันที่ 21 ก.ย.66 ที่ผ่านมา และได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ (Public Hearing) แล้ว เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 และมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม (Focus Group) ไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย.66 ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างรวบรวมสรุปความเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงร่างประกาศเสนอคณะกรรมการ กสทช. ซึ่งคาดว่าน่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆ นี้
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวเสริมว่า การตรวจสอบเลขหมายต้องสงสัยและมีการแจ้งความจะเป็นการพิจารณาร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง กสทช. กับ สตช. โดยนำข้อมูลของผู้ใช้มาวิเคราะห์เพื่อดำเนินการระงับการใช้โทรศัพท์ ขยายผลออกหมายจับ เพื่อให้ถึงตัวผู้บงการ เป็นการตัดวงจรและทำลายเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม