xs
xsm
sm
md
lg

Apple ยุคใหม่ หลังเปลี่ยนผ่านชิป Apple Silicon เสร็จสมบูรณ์ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากในช่วงกลางปีที่ผ่านมา Apple ได้เปลี่ยนผ่านการใช้งานชิปประมวลผลของผลิตภัณฑ์ Mac มาอยู่บนชิปที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Apple Silicon ทั้งไลน์อัป ตามด้วยการเปิดตัวชิปตระกูล M3 แบบครบชุด ในงาน ‘Scary Fast’ ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการผลิตชิปประมวลผลบนสถาปัตยกรรมแบบ 3 นาโนเมตร

ขณะเดียวกัน นับเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลเปิดตัวชิปทั้งตระกูลออกมาพร้อมกันตั้งแต่ชิประดับเริ่มต้น M3 และรุ่นสำหรับมืออาชีพอย่าง M3 Pro และ M3 Max จากที่ก่อนหน้านี้ตอนที่เปิดตัว M1 และ M2 จะมีการเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นก่อน และตามด้วยรุ่น Pro และ Max ตามในปีถัดมา

แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเปลี่ยนผ่าน กำลังในการผลิตชิปประมวลผลรุ่นใหม่มีความสำเร็จมากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันช่วงเวลาการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในส่วนของ MacBook จะเริ่มกลับมามีความชัดเจนมากขึ้น ต่อเนื่องไปถึง iPad Air และ iPad Pro ที่ใช้ชิปในตระกูล M จะกลับสู่ไทม์ไลน์ปกติในการเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคม


พร้อมกับการเปิดตัวชิปตระกูล M3 ในรอบนี้ Apple ได้เลือกอัปเดตสินค้าในผลิตภัณฑ์ MacBook Pro และ iMac ไปด้วย และทำให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ใช้ชิปสถาปัตยกรรมแบบ 3 นาโนเมตร ที่ในภาพรวมให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และใช้พลังงานต่ำลง

ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิลระบุว่า ชิปตระกูล M3 ถือเป็นชิปประมวลผลที่สร้างมาสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ทันสมัยที่สุด เมื่อใช้งานใน MacBook Pro ทำให้กลายเป็นแล็ปท็อปสำหรับมืออาชีพอย่างแท้จริง ในขณะที่ iMac ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบออลอินวันที่ดีที่สุดในโลกก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น

“กลุ่มผลิตภัณฑ์ Mac ของแอปเปิลเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างทีมงานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และซิลิคอนระดับโลก ซึ่งการบูรณาการแบบนี้มีเพียง Apple เท่านั้นที่สามารถส่งมอบออกมาสู่ผู้บริโภคได้”


ทั้งนี้ แอปเปิลเชื่อว่า ชิปตระกูล M3 ที่มาพร้อมกับ GPU เจเนอเรชันใหม่ถือเป็นก้าวสำคัญในแง่ของสถาปัตยกรรมกราฟิกที่นอกจากเร็วขึ้นแล้วยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ Dynamic Caching ที่ช่วยให้การเรนเดอร์ได้เร็วกว่าชิปตระกูล M1 ถึง 2.5 เท่า พร้อมกับเปิดกว้างให้เครื่อง Mac สามารถใช้งานในมุมของเกมเมอร์ได้ ด้วยการนำคุณสมบัติอย่าง Ray Tracing มาช่วยแสดงผลแสงและเงาที่สมจริงมากขึ้น

ขณะที่คอร์ประมวลผลด้านประสิทธิภาพ และคอร์ด้านประหยัดพลังงานของ CPU นั้นก็เร็วขึ้น 30% และ 50% เมื่อเทียบกับชิป M1 ส่วน Neural Engine ก็เร็วขึ้น 60% ยังมีในส่วนของการถอดรหัสไฟล์วิดีโอมาตรฐาน AV1 ที่ช่วยให้ได้วิดีโอคุณภาพสูงจากบริการสตรีมมิ่งที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม

รวมถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมที่ในรอบนี้ M3 Max สามารถใส่หน่วยความจำได้สูงสุดที่ 128 GB ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของแล็ปท็อป ช่วยปลดล็อกรูปแบบการใช้งานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะสำหรับนักพัฒนา AI ที่ต้องประมวลผลทรานส์ฟอร์เมอร์ที่มีหลายพันล้านพารามิเตอร์ เมื่อรวมกับ CPU ที่ให้มาสูงสุด 16 คอร์ และ GPU สูงสุด 40 คอร์ จึงทำให้ MacBook Pro กลายเป็นแล็ปท็อปที่ให้ประสิทธิภาพต่อพลังงานที่ใช้ดีที่สุดในโลก

***MacBook Pro - iMac 24 นิ้ว ดีไซน์เดิม แรง และแพงขึ้น


การเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ในปีนี้จะทำให้ราคาเริ่มต้นของ MacBook Pro สูงขึ้นด้วย เนื่องจาก Apple ยุติการทำตลาด MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่มาพร้อมทัชบาร์ออกไปแล้ว ทำให้รุ่นเริ่มต้นของ MacBook Pro M3 ปีนี้ จะเป็นรุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว ดีไซน์เดียวกับที่เปิดตัวในปี 2022 ทำตลาดในราคาเริ่มต้นที่ 59,900 บาท ซึ่งแน่นอนว่าจะได้หน้าจอ Liquid Retina XDR ที่มาพร้อม ProMotion 120 Hz ไปใช้งานด้วย

ส่วนการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ MacBook Pro ปีนี้ คือการเพิ่มสีดำ Space Black มาให้เลือกใน MacBook Pro 14 นิ้ว และ MacBook Pro 16 นิ้ว จะมีให้เลือกเฉพาะในรุ่นที่มากับชิป M3 Pro และ M3 Max ที่ราคาเริ่มต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 79,900 บาท จากก่อนหน้านี้ใน M2 Pro เริ่มต้นที่ราว 73,900 บาท ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้นคือเรื่องของค่าเงินด้วย


ขณะที่ iMac 24 นิ้ว ที่ไม่ได้รับการอัปเดตตั้งแต่เปิดตัวมาพร้อมกับชิป M1 ในรอบนี้ก็ได้ปรับปรุงมาพร้อมกับชิป M3 ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วให้ประสิทธิภาพที่แรงขึ้น 2เท่าและเหมาะจะเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไป ผู้ทำธุรกิจขนาดเล็ก นักเรียน ไปจนถึงเกมเมอร์ที่สามารถเล่นเกมรายละเอียดสูงได้บนเครื่อง iMac นี้


ความโดดเด่นหลักๆ ของ iMac 24 นิ้ว นอกจากประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้ว ตัวหน้าจอที่ให้มายังให้ความละเอียด Retina 4.5K ที่แสดงผลได้มากกว่า 1 พันล้านสี ให้ความสว่างสูงสุดที่ 500 นิต รองรับการเชื่อมต่อสมัยใหม่อย่าง Wi-Fi 6E มีพอร์ตเชื่อมต่อทั้ง Thunderbolt 3 และ USB-C ให้ใช้งาน พร้อมกล้อง FaceTime 1080p และไมโครโฟนระดับสตูดิโอ และตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 7 สี จึงกลายเป็นตัวเลือกคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานในบ้าน หรือสำนักงานได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานพอร์ต Lightning เดิมอย่าง Magic Mouse และ Magic Keyboard ทำให้ในการเชื่อมต่อ และเสียบชาร์จอุปกรณ์เสริมนี้ยังต้องใช้ควบคู่กับสาย USB-C to Lighting ที่เลิกใช้กับ iPhone 15 ไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีจุดที่น่าสนใจคือในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ในงานเปิดตัวล่าสุดนี้ บรรดาผู้บริหารของ Apple ยังคงเน้นย้ำให้ลูกค้าที่ใช้งานผลิตภัณฑ์ Mac ที่ใช้เครื่องของชิป Intel ให้เปลี่ยนมาใช้งานเครื่องรุ่นใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าสูงสุดถึง 11 เท่าตัว แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์ในปีนี้ยังคงเป็นผู้ที่ใช้งานเครื่อง Mac เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 4 ปีจำนวนมาก ที่จะได้มาสัมผัสประสบการณ์ของการทำงานบน Apple Silicon ที่ทำให้การใช้งานแล็ปท็อปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น