xs
xsm
sm
md
lg

G-Able ขานรับเทรนด์เทคโนโลยี 2024 จัดทัพดิจิทัลโซลูชันลุยศักราชใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จีเอเบิล (G-Able) จัดทัพดิจิทัลโซลูชันก้าวสู่ปีที่ 35 พร้อมติดจรวดทุกภาคธุรกิจพุ่งทะยานรับศักราชใหม่ ขานรับ 10 เทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัล 2024

ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ได้เผยถึงกรณีที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายบรรลุการหลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางภายในปี 2027 ว่าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันบนคลาวด์และเทคโนโลยี Generative AI เป็นหมากตัวสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกองค์กรทุกธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสนใจ หากต้องการสยายปีกปรับฐานธุรกิจให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคในยุค Marketing 6.0 มากยิ่งขึ้น

"ตัวเปลี่ยนเกมที่มีอานุภาพในการขับเคลื่อนนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด คือ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันบนคลาวด์ และเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ ที่คาดการณ์ว่า AI Trust, Risk and Security Management (AI TRiSM) เทคโนโลยีในการกำกับดูแล AI ให้น่าเชื่อถือโปร่งใส สร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็น 1 ใน 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปี 2024 ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับองค์กรและธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า"

การแสดงความเห็นของจีเอเบิลเกิดขึ้นจากข้อมูลของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่ได้พูดถึงทิศทางการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรมในเชิงมหภาค ว่า หนึ่งในกลไกที่มีบทบาทอย่างยิ่งคือ การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรมที่มีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท ให้ได้อย่างน้อย 2,000 บริษัท ดังนั้น จีเอเบิลจึงนำมาโยงกับบทวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ ที่คาดการณ์ถึง 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับองค์กรและธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1) AI Trust, Risk and Security Management (AI TRiSM) เทคโนโลยีในการกำกับดูแล AI ให้น่าเชื่อถือโปร่งใส สร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ 2) Continuous Threat Exposure Management (CTEM) เทคโนโลยีจัดการความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง 3) Sustainable Technology เทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

4) Platform Engineering การพัฒนา Internal Platform Product ให้ตอบโจทย์การใช้งานแบบ self-service เพื่อแก้ปัญหาในการทำงานของ Developer เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม และเร่งสปีดความสามารถในการเพิ่ม value ทางธุรกิจ 5) AI-Augmented Development เทคโนโลยี AI ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิศวกรซอฟต์แวร์ในการสร้างการทดสอบ รวมถึงส่งมอบแอปพลิเคชัน

6) Industry Cloud Platforms (ICPs) เทคโนโลยีคลาวด์โซลูชันที่รวมบริการ SaaS, PaaS, IaaS เข้าไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นตัวเร่งการเติบโตขององค์กร 7) Intelligent Applications เทคโนโลยีการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ในการขับเคลื่อน สามารถจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8) Democratized Generative AI การนำGenerative AI มาสร้างความเสมอภาคความเท่าเทียมกัน ด้านองค์ความรู้และความชำนาญการ (democratizing knowledge and skills) แต่ก็ควรพึงระวังเรื่องสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ เพราะบนความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงข้อมูลอาจเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ของข้อมูลได้

9) Augmented Connected Workforce (ACWF) เทคโนโลยีที่เชื่อมการทำงานของบุคลากรแต่ละคนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และ 10) Machine Customers เทคโนโลยีลูกค้าโรบอตที่สามารถซื้อสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีสกิลต่อรองราคาได้เองอัตโนมัติ

"จากข้อมูลเทรนด์เทคโนโลยีนี้ แน่นอนว่าจะส่งผลต่อการปรับโครงสร้างการทำงานในทุกองค์กรทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมจึงควรเตรียมรับมือและแสวงหาหนทางในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้มากขึ้น เพราะเทรนด์เหล่านี้คือหนึ่งในกุญแจที่จะนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะความสามารถของ AI เจเนอเรชันใหม่ ที่เปรียบเหมือนทางลัดในการช่วยนำพาธุรกิจของผู้ประกอบการไทยไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และยั่งยืน” ดร.ชัยยุทธ กล่าว

ปัจจุบัน 3 แกนหลักที่จีเอเบิลใช้ในการออกแบบความสำเร็จให้ทุกองค์กรในทุกภาคธุรกิจ คือ “Smart” “Secure” และ “Sustain” จุดนี้ ดร.ชัยยุทธ อธิบายว่าบริษัทจะคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลักว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด ทำให้ระบบงาน Operation ของลูกค้าสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และสร้างผลลัพธ์การทำงานที่น่าพอใจได้มากขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการงานเอกสารก็ช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้จำนวนมาก นอกจากช่วยลดพื้นที่การจัดเก็บเอกสารแล้ว ยังช่วยลดการตัดต้นไม้ต้นเหตุของสภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจของลูกค้าได้ในระยะยาว พร้อมความมั่นใจในระบบความปลอดภัยทางเทคโนโลยีโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลตลอด 24/7

นอกจากนั้น จีเอเบิลยังผสานความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก จนนำมาซึ่ง 5 ดิจิทัลโซลูชันนำสมัยที่จีเอเบิลพร้อมให้บริการอย่างครอบคลุมและครบวงจร ได้แก่ Cybersecurity, Cloud and Data Center, Data and Analytics, Digital Business and Application และ Managed Tech Services ซึ่งเป็นบริการเทคโนโลยี IT เชิงปฏิบัติการ ทั้งในด้านการวางกลยุทธ์ การเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์การทำงานของระบบ การวัดผล และการวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์

“โดยโซลูชันทั้ง 5 ของจีเอเบิลผ่านการออกแบบและทดสอบประสิทธิภาพโดยทีมผู้ชำนาญการอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การสร้างสรรค์ระบบ การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการข้อมูล การคุ้มครองความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกองค์กรธุรกิจสามารถใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างราบรื่นและเกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ทั้งยังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารระดับสูงสามารถรับมือกับแรงกดดันของตลาดได้อย่างชาญฉลาดและยืดหยุ่น จนประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นเป็นผู้นำของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม” ดร.ชัยยุทธ กล่าว

จีเอเบิลถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยมากว่า 3 ทศวรรษ ล่าสุดบริษัทพร้อมก้าวสู่ปีที่ 35 อย่างแข็งแกร่ง ด้วยฐานะผู้นำดิจิทัลโซลูชันด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสำหรับองค์กร ซึ่งเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน IT และ Digital Solutions ที่หลากหลายและครบวงจร

"ในฐานะ Tech Enabler จีเอเบิล พร้อมผลักดันแต้มต่อในทุกความสำเร็จของทุกภาคธุรกิจ ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงและวิสัยทัศน์ระดับสากล"


กำลังโหลดความคิดเห็น