ผ่านมา 1 ปี หลังจากที่อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS ประกาศลงทุน 1.9 แสนล้านบาท ระยะเวลา 15 ปี พร้อมกับตั้ง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ขึ้นในประเทศเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ และบรรดาดิจิทัลเซอร์วิสที่จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจที่ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล
ความคืบหน้าที่ AWS ให้ข้อมูลได้ในตอนนี้เกี่ยวกับการเปิดให้บริการ AWS Region (Bangkok) คือยังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน โดยเฉพาะในประเด็นของการเร่งพัฒนาดิจิทัลสกิลให้แก่บุคลากรในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยเติบโต และสามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก
เจฟฟ์ แครทซ์ รองประธานบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส จำกัด (AWS) กล่าวว่า จากความพร้อมของประเทศไทยทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการปรับตัวสู่ดิจิทัลของภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากหลายๆ ส่วนรวมกัน และมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้
ส่วนที่น่าสนใจของบริการคลาวด์ในตอนนี้ ไม่ได้เข้ามาช่วยเฉพาะองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถลงทุนคลาวด์ได้เท่านั้น เพราะในอีกมุมหนึ่งการมีบริการคลาวด์สาธารณะได้เข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงระดับกลางสามารถเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัล และช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
จากข้อมูลที่ AWS ทำการสำรวจเกี่ยวกับเศรษฐกิจบนระบบคลาวด์ที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการพบว่า ผู้ประกอบการ (MSMEs) ตั้งแต่ระดับเล็กทั้ง Micro และ Small ตามด้วยระดับกลาง (Medium) จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตจากการนำคลาวด์ไปใช้
“การลงทุนคลาวด์จะช่วยให้กลุ่ม MSMEs ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีศักยภาพที่จะปลดล็อกมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 5.19 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท) รวมถึงสร้างงานกว่า 73.1 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030 และแน่นอนว่าในภูมิภาคอาเซียนถือว่ามีโอกาสเติบโตจากดิจิทัลมากที่สุด”
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ รายงานว่าองค์กรธุรกิจในไทยเตรียมงบประมาณสำหรับการใช้งานคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) เพิ่มขึ้น 32% อยู่ที่ 5.44 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ทั้งจากปริมาณการใช้งานของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล และการเดินหน้าสู่รัฐบาลดิจิทัล 4.0
เมื่อเห็นถึงโอกาสของคลาวด์ที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดทั้งการลงทุน การจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ในปีที่ผ่านมา AWS ตัดสินใจเปิดแผนการลงทุน AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ขึ้นในประเทศไทย ภายใต้เป้าหมายที่จะให้ภาครัฐ และธุรกิจในไทยสามารถใช้บริการคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเร็วสูง และการจัดเก็บข้อมูลในประเทศได้อย่างปลอดภัย
พร้อมกับแผนการลงทุนในไทยรวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี ที่เริ่มดำเนินการให้เห็นแล้วผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในแง่ของการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวกับคลาวด์เพื่อเร่งให้การเติบโตของคลาวด์ในไทยเกิดขึ้นในทันที
โดยการทำงานในช่วงที่ผ่านมาของ AWS มีทั้งความร่วมมือกับภาครัฐจากการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการนำบริการคลาวด์สาธารณะ พร้อมโซลูชันต่างๆ เข้ามาให้บริการ รวมถึงการนำไปใช้งานร่วมกับคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) เพื่อให้หน่วยงานที่สนใจเข้าไปทดลองใช้งาน ช่วยลดต้นทุนในการให้บริการ
ยังมีความร่วมมือกับทางบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ที่ปัจจุบันให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์แก่ภาครัฐ นำบริการอย่าง AWS Outpost มาให้บริการ ช่วยให้การเข้าถึงการใช้งานไฮบริดคลาวด์ทำได้สะดวกมากขึ้น และยังเปิดโอกาสให้เข้าถึงโซลูชันคลาวด์ระดับโลก
ส่วนในฝั่งของภาคธุรกิจ การเริ่มให้บริการ AWS Local Zone ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ช่วยเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วในการเชื่อมต่อคลาวด์ ทำได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมลูกค้าที่ต้องการใช้งานจะต้องเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ สามารถเลือกให้บริการจากผู้ให้บริการในไทยได้แล้ว
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นการต่อจิ๊กซอว์ที่ AWS ค่อยๆ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดใช้งาน AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย รวมถึงงานสำคัญอย่างการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้แก่บุคลากรในประเทศไทยด้วย
“AWS ได้เข้าไปทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทั้งในแง่ของการโอนถ่ายงานไปยังระบบคลาวด์ รวมถึงการนำคอร์สฝึกอบรมของ AWS ไปใช้งานกับการฝึกสอนบุคลากรให้มีความรู้ทางด้านคลาวด์ผ่านสถาบันการศึกษากว่า 200 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยของทาง อว. อีก 20 แห่งภายในปี 2026”
เหตุผลสำคัญที่ AWS เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการฝึกทักษะดิจิทัล โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบคลาวด์ มาจากรายงานที่ทาง AWS ร่วมกับ แกลลัพ (Gallup) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของสหรัฐฯ ศึกษาถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากทักษะดิจิทัล ที่พบว่า การพัฒนาทักษะขั้นสูงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของคลาวด์ และซอฟต์แวร์ดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ (GDP) ประมาณ 9.3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ถ้ารวมทักษะดิจิทัลของแรงงานในทุกระดับที่มีการพัฒนาขึ้น จะช่วยสร้างผลประโยชน์ต่อ GDP ประเทศสูงถึง 2.8 ล้านล้านบาทในแต่ละปี ซึ่งที่ผ่านมา 8 ใน 10 ขององค์กรไทยที่มีการจ้างแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูงจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับองค์กรที่จ้างแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลระดับปานกลาง
“การที่องค์กรธุรกิจหลายแห่งหันมาลงทุนทางด้านคลาวด์นอกจากสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการให้บริการแล้ว ประเด็นสำคัญคือการลดต้นทุนในการดำเนินการลง อย่างประเด็นในเรื่องของการจ่ายเท่าที่ใช้ ซึ่งคลาวด์สามารถสเกลเซิร์ฟเวอร์ขึ้นและลงตามปริมาณการใช้งานได้ ซึ่งเมื่อต้นทุนในการให้บริการต่ำลง องค์กรเหล่านั้นจะมีเงินเพื่อใช้ในการลงทุนเพิ่มเติม และทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้”
พร้อมกันนี้ AWS ยังได้นำเสนอหลักสูตรฟรีในการสร้างทักษะของ AWS Cloud เพิ่มเติมอีกกว่า 600 คอร์ส ที่มีการแปลภาษาไทยแล้วกว่า 64 คอร์ส ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ทักษะดิจิทัลเพิ่มเติม โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ได้ทรานส์ฟอร์มหลักสูตรสู่ออนไลน์ ช่วยให้นักศึกษาที่สนใจสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่