xs
xsm
sm
md
lg

True ลุยสร้างโครงข่ายเดียวภายในปี 2567 หลัง “Synergies” สร้างประโยชน์มูลค่า 2.5 แสนล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทรู คอร์ปอเรชั่น เริ่มเห็นผลการ “Synergies” 2 โครงข่าย true-dtac เข้าด้วยกัน ทำให้ได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสิทธิกว่า 2.5 แสนล้านบาท และคาดว่าจะประหยัดกระแสเงินสดได้ในระดับคงที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2569


นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลจากการควบรวมกิจการทำให้กลุ่มทรู กลายเป็นผู้นำในตลาดโทรคมนาคมด้วยยอดผู้ใช้งานมากกว่า 51 ล้านเลขหมาย โดยมีผู้ใช้งานบรอดแบนด์ 3.8 ล้านคน และผู้ใช้งานดิจิทัล 40 ล้านคน

“เราเปลี่ยนองค์กรของเราจากบริษัทโทรคมนาคมสู่บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย โดยการผสานธุรกิจด้านการเชื่อมต่อ และความสามารถในการดำเนินการธุรกิจเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยการขยายขีดความสามารถของเราไปยังกลุ่มผู้บริโภค กลุ่มธุรกิจ และกลุ่มอุตสาหกรรม เราจะสร้างโอกาสใหม่ในการเติบโตทางธุรกิจนอกเหนือบริการเชื่อมต่อด้วยวิสัยทัศน์ของเราในการมุ่งสู่บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำ”


นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) จะเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน โดยการปรับลดโครงสร้างพื้นฐานที่ซ้ำซ้อนลง 30% พร้อมกับการสร้างเครือข่ายที่รองรับสัญญาณเพิ่ม ครอบคลุม กว้างขึ้น และดีกว่าสำหรับลูกค้า

โดยมุ่งเน้นการดำเนินการแบบเจาะลึกในรายละเอียด ลดช่องว่างพื้นที่ใช้งาน พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยีเสาสัญญาณล้ำสมัยที่ผสานหลากหลายคลื่นความถี่ และยกระดับประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้นด้วยชุดคลื่นความถี่ที่มีความครอบคลุม และตั้งเป้าว่าจะดำเนินการรวมโครงข่ายแล้วเสร็จภายในปี 2568

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มากกว่า 100 ปัจจัยที่จะสร้างมูลค่าผลประโยชน์ที่ได้จากการควบรวมกิจการ 2.5 แสนล้านบาท โดย 15 อันดับแรกจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ได้จากการควบรวมกิจการคิดเป็น 85% ของมูลค่ารวม ค่าใช้จ่ายหลักในการผสานรวมกันจะเกิดขึ้นภายในปี 2567

“ส่งผลให้บริษัทบรรลุผลประโยชน์ที่ได้จากการควบรวมกิจการสุทธิเป็นบวกในปี 2568 และมีกำไร โดยทรู คอร์ปอเรชั่นคาดว่าจะสามารถรับรู้การประหยัดกระแสเงินสดได้ในระดับคงที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2569”

สำหรับการคาดการณ์ในปี 2566 ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ระบุแนวโน้มสำหรับปี 2566 ซึ่งคิดเป็นระยะเวลา 10 เดือนของการดำเนินงานนับจากวันที่มีการควบรวม โดยมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) คงที่ EBITDA จะเติบโตที่ตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ-ปานกลาง (low-to-mid single digit) และเงินลงทุน หรือ CAPEX ประมาณการไว้ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น