nt เปิดผลประกอบการครึ่งปี 2566 รายได้รวม 42,447 ล้านบาท กำไร 1,547 ล้านบาท ก่อนหักขาดทุนโครงการเกษียณก่อนกำหนด ภาพรวมธุรกิจดีกว่าแผนที่วางไว้ เหตุจากการเปลี่ยนแปลงในแง่การแข่งขันในอุตสาหกรรม เล็งนำพื้นที่ถือครองกว่า 2,400 ไร่ นำมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม สิ้นปีมีโอกาสกำไร 1,200 ล้านบาท
พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ nt กล่าวถึงสภาพการแข่งขันของธุรกิจในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในเวลานี้อยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาด เนื่องจากที่ผ่านมามีการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ปัจจุบันหลายๆ โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกกำลังตัดลดค่าใช้จ่าย และหาแหล่งรายได้ใหม่เพื่อให้สามารถเติบโตได้
สำหรับรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรกของ nt อยู่ที่ 42,247 ล้านบาท โดยเป็นรายก่อนแบ่งสัดส่วนให้พันธมิตรราว 40-50% ทำให้เมื่อคำนวณแล้วจะเป็นรายได้ของ nt ราว 20,000 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 1,547 ล้านบาท โดยยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายจากเกษียณก่อนกำหนดที่เป็นค่าใช้จ่ายในปีนี้อีกราว 2,185 ล้านบาท ซึ่งถ้าหักแล้วกำไรสุทธิจะขาดทุน 638 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าถึงสิ้นปีมีโอกาสที่จะกลับมากำไรที่ราว 1,200 ล้านบาท
โดยรายได้หลักยังมาจากธุรกิจมือถือ ทั้งส่วนของการให้บริการ และจากส่วนแบ่งรายได้ของคลื่นความถี่ 850 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz ร่วมกับพันธมิตรที่มีแนวโน้มการใช้งานลดลงต่อเนื่อง ก่อนที่ใบอนุญาตจะหมดอายุในปี 2568 ทำให้ nt ต้องเร่งหาแหล่งรายได้ใหม่มาชดเชยรายได้ในส่วนนี้
ทั้งนี้ ธุรกิจโมบายของ nt มีรายได้ในช่วงครึ่งปีอยู่ที่ 23,497 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานรายได้ราว 4,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์อยู่ที่ 9,289 ล้านบาท ลดลงเกือบ 20% ที่เหลือจะมีรายได้จากบริการดิจิทัลอย่างคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบซิเคียวริตีต่างๆ
ปัจจุบัน nt Mobile มีฐานลูกค้าใช้งานราว 2 ล้านราย ในขณะที่ nt Broadband ฐานลูกค้าใช้งานราว 1.8 ล้านราย แต่เนื่องจากตลาดฟิกซ์บรอดแบนด์มีการแข่งขันที่สูง ทำให้ nt มองถึงแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนในอนาคต อย่างการให้บริการโครงข่ายสายปลายทาง (Neutral Last Mile) ที่อยู่ระหว่างการพูดคุยหาข้อสรุปที่จะให้บริการในอนาคต
“โฟกัสสำคัญของ nt ในปีนี้คือการลดค่าใช้จ่าย เพราะวัตถุประสงค์ของการควบรวมต้องให้ได้มากกว่านี้ พร้อมกับการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2567 โดยเฉพาะการลดจำนวนพนักงานจากปัจจุบันกว่า 14,000 ราย เหลือราว 7,000 คนภายใน 5 ปีข้างหน้า”
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการนำที่ดินที่มีกว่า 2,400 ไร่ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด โดยอยู่ระหว่างการจัดระเบียบพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูว่าในพื้นที่ใดมีศักยภาพ เพื่อที่จะสร้างรายได้จากพื้นที่เหล่านี้