xs
xsm
sm
md
lg

HP ที่หนึ่งยังไหว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เดวิด ตัน (กลาง) วรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ (ที่ 2 จากขวา) ซาเมียร์ ชาห์ (ที่ 2 จากซ้าย) และทีมผู้บริหารเอชพี ประเทศไทย
เอชพี (HP) เป็นแบรนด์เก่าแก่อายุ 83 ปีที่ปักหลักในสังเวียนสินค้าเทคโนโลยีทั้งคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ และบริการไอทีทุกขนาด แม้ผลงานของเอชพียังคงโดดเด่นทั้งที่ล้มลุกคลุกคลานมาก่อนหน้านี้ แต่ความท้าทายที่เอชพีปฏิเสธไม่ได้คือภาระในการรักษาและขยายตลาดให้ได้ในวันที่จักรวาลดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในช่วงหลังโควิด-19 กลยุทธ์ที่เอชพีเลือกใช้เป็นอาวุธนั้นมีหลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือการเจาะฐานที่มั่นอย่างเอเชียแบบจริงจัง แน่นอนว่าผลที่ได้นั้นคุ้มค่า เพราะเอเชียเป็นตัวช่วยให้วันนี้เอชพีไม่มีบาดแผลมากนัก ทั้งที่ยอดจัดส่งพีซีทั่วโลกลดลงเกือบ 30% ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 66

รายงานล่าสุดระบุว่า เอชพีทำรายได้พลาดเป้าไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของเซียนการเงินใน Wall Street ส่วนสำคัญที่ทำให้รายรับเอชพีในไตรมาสดังกล่าวลดลงเพราะความต้องการพีซีในตลาดนั้นหดตัวเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในช่วงที่เกิดโรคระบาด สถิติชี้ว่ายอดจัดส่งพีซีทั่วโลกที่ลดฮวบ 30% ส่งให้ยอดขายธุรกิจเพอร์ซันนอลซิสเต็มส์ (Personal Systems) ที่รวมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเอชพีนั้นลดลง 29%

แต่เอชพีไม่สะเทือน แถมยังคาดว่ารายได้ครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภค เอชพีจึงปรับประมาณการกำไรขึ้นเบาๆ เป็น 3.30-3.50 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น พร้อมกับประกาศว่าบริษัทกำลังมุ่งยกระดับสถาปัตยกรรมพีซีใหม่เพื่อผลักดันการรีเฟรชตลาดพีซีในปีถัดไป เบื้องต้น รายรับในไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2023 ของเอชพีมีมูลค่าราว 12,910 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 446,537 ล้านบาท

***อาเซียนพื้นที่ยุทธศาสตร์

เดวิด ตัน รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ เอชพี อิงค์ ยอมรับว่าเอชพีให้ความสำคัญกับตลาดอาเซียนเป็นพิเศษ เนื่องจาก 3 จุดเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งการเป็นภูมิภาคที่มีกลุ่มประชากรอายุน้อยจำนวนมาก การมีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ และการมีแนวโน้มที่จะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมหาศาล

‘สถิติชี้ว่า วันนี้ประชากร 65% ในภูมิภาคมีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่ง 10 ปีจากนี้ อาเซียนจะมีผู้บริโภครายใหม่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 140 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 16% ของฐานคอนซูเมอร์ทั่วโลก และภายในปี 2030 มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาจจะทะลุหลัก 575 ล้านเหรียญสหรัฐ’

คาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเกมมิ่งใหม่ 2 รุ่น ที่มีความบางกว่า 2 เซนติเมตรในตระกูล Victus
เอชพีย้ำว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตสูง มีระบบเศรษฐกิจในกลุ่ม SME เติบโตเร็ว ขณะเดียวกัน ก็เปิดรับการทำงานแบบไฮบริดเวิร์กทั้งในและนอกสำนักงาน และตลาดเกมไทยยังขยายตัวเร็ว จนปัจจุบัน ธุรกิจเกมไทยมีขนาดเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นพื้นที่สำคัญในการเป็นฐานให้เอชพีรักษาการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้

วรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เอชพี ประเทศไทย กล่าวย้ำถึง 4 สัญญาณบวกในตลาดพีซีไทยว่า สัดส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตของประชากรไทยนั้นพุ่งทะลุ 85.3% ซึ่งเป็นสถิติที่สูงกว่าสัดส่วนเฉลี่ยของอาเซียนคือ 70% นอกจากนี้ ธุรกิจ SME ยังเติบโตจนมีการจ้างงานมากกว่า 12.6 ล้านคนในปี 2022 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีสัญญาณเข้าสู่ยุคไฮบริดเวิร์กอย่างเต็มตัว เห็นได้จากสถิติที่ชี้ว่าองค์กรไทยกว่า 57% เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานได้จากบ้านหรือพื้นที่นอกสำนักงานในช่วงปี 2022

เมื่อไฮบริดเวิร์กไม่ใช่เทรนด์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยแถมยังมีแนวโน้มที่จะอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป เอชพีจึงมุ่งหวังที่จะนำสินค้าเพื่อการทำงานแบบไฮบริดมาจำหน่ายในช่วงปีนี้ โดยยึดเอาความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

‘แนวทางและแผนธุรกิจในไทยคือการเตรียมพร้อมเสมอสำหรับโลกยุคใหม่ การเตรียมการแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การเตรียมผลิตภัณฑ์ การให้ความสำคัญกับการจัดการ และการโฟกัสกับพนักงาน’

***เปิดแผนเอชพีไทยครึ่งปีหลัง

MD หญิงของเอชพีประเทศไทยบอกว่า สินค้าของเอชพีจะเน้นการใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อตอบความต้องการในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน กระบวนการจัดการภายในเอชพีประเทศไทยจะถูกยกระดับเพื่อตอบความต้องการของลูกค้าและพันธมิตรทุกส่วนให้ดีที่สุด สำหรับการโฟกัสพนักงาน เอชพีจะเน้นให้สามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายตลาดไปด้วยกัน

3 ส่วนนี้สะท้อนออกมาเป็นกลยุทธ์ Future Ready วิสัยทัศน์นี้จะเน้นใน 3 พื้นที่ พื้นที่แรกคือจุดที่มีการเติบโตทางธุรกิจสูง เช่น ตลาดไฮบริดเวิร์กและธุรกิจเกม โดยเอชพีวางแผนจะจัดหาสินค้าเพื่อสร้างการเติบโต พื้นที่ที่ 2 คือการลงทุนพัฒนาแอปพลิเคชันและโซลูชัน เพื่อให้ลูกค้าได้พิมพ์หรือรับบริการจากเอชพีได้สะดวก และพื้นที่ที่ 3 คือการลงทุนให้เอชพีสามารถมอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์ Future Ready จะเน้นการทำงาน 3 แกน แกนแรกเน้นที่การมีสินค้าสำหรับความบันเทิงและการทำงาน สินค้าของเอชพีจะออกแบบมาให้สามารถตอบทั้งไลฟ์สไตล์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แกนต่อมาคือความปลอดภัย โดยเฉพาะการป้องกันข้อมูลรั่วไหล และแกนสุดท้ายคือความยั่งยืน วิสัยทัศน์นี้ทำให้เอชพีแจ้งเกิดสินค้ารีไซเคิลที่หลากหลาย มีการนำเอาขยะพลาสติกในทะเลหลายหมื่นตันกลับมารีไซเคิล นำไปสู่การลดการใช้พลาสติก ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการสร้างความยั่งยืนให้โลกอย่าง Planet Partner ซึ่งเป็นโปรแกรมเก็บตลับหมึกเก่าที่มียอดเกินล้านตลับแล้ว

ตลาดการพิมพ์ไทยนั้นเติบโต 11% ในปี 2022
ในภาพรวมพอร์ตฟอลิโอ ไข่แดงของธุรกิจเอชพีวันนี้คืออุปกรณ์ไฮบริดเวิร์กโซลูชัน เอชพีมุ่งทำตลาด 3 ส่วนคือ อุปกรณ์ต่อพ่วง (ผ่านการแตกแบรนด์โพลีและไฮเปอร์เอ็กซ์) อุปกรณ์เกม (แบรนด์โอเมนและวิคทัส) และโซลูชันบริการใหม่

‘ปีนี้ เอชพีเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันอีสปอร์ตระดับโลก มีการดึงเกมเมอร์ให้มาใช้อุปกรณ์เอชพีแบบ 100% ทำให้เกิดภาพว่าเอชพีเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์เกมเมอร์’ วรานิษฐ์กล่าว ‘ปีที่แล้ว เอชพีได้แยกหน่วยธุรกิจโซลูชันและบริการออกเป็นอีก 1 กลุ่มธุรกิจเป็นการแยกเพื่อให้บริการสมาชิกและรูปแบบเซอร์วิสเป็นครั้งแรก เพราะเทรนด์การทำงานที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทำให้ต้องมีระบบที่สามารถทำงานได้ทุกที่เช่นกัน’

***พีซีปรับใหม่ พรินติ้งพลิกโฉม

ในส่วนคอนซูเมอร์พีซี เอชพีมองว่ายุคแห่งการทำงานช่วงหลังโควิดนั้นแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ช่วงแรกนั้นเป็นการทำงานจากบ้าน ช่วงที่ 2 เริ่มเข้าออฟฟิศ และช่วงที่ 3 คือปัจจุบันที่การทำงานเป็นแบบไฮบริด แต่ที่ผ่านมา พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดยังมีปัญหา ‘รู้สึกไม่เชื่อมต่อ’ ดังนั้น เอชพีจึงหวังจำหน่ายระบบเพื่อการทำงานที่ดี ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า ‘อิสระ’ สามารถอยู่คู่กับฟังก์ชันได้แบบไม่สะดุด

แนวคิดนี้ทำให้เอชพีพัฒนาฟังก์ชันใหม่ในพีซีของตัวเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ‘HP Presence’ ฟังก์ชันประชุมออนไลน์ที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้สร้าง 2 คอนเทนต์จาก 2 กล้องได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่จะมาในเครื่องกลุ่มพรีเมียมทุกรุ่นของเอชพี ขณะเดียวกัน ยังมีระบบ AI ที่เปลี่ยนกระดานไวท์บอร์ดในบ้าน ให้เป็นไวท์บอร์ดดิจิทัลที่มีความคมชัด รวมถึงมีระบบจับภาพแบบออโต้เฟรม ทำให้กล้องพีซีสามารถจับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ชัดเจน

วันนี้ พีซีของเอชพีแบ่งเป็น 2 เซกเมนต์ คือเวิร์กสเตชัน ซึ่งมีตั้งแต่กลุ่มเน้นงานสร้างคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ รวมถึงวิศวกรซอฟต์แวร์ ยังมีผู้พัฒนาระบบเทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) ที่เอชพีย้ำว่าต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงมาก เอชพีจึงมีการทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิปอย่างอินเทล (intel) และเอเอ็มดี (AMD) ร่วมกับการเปลี่ยนวัสดุมาใช้อะลูมิเนียมที่เบาและระบายความร้อนได้ดี พร้อมกับเพิ่มความละเอียดของกล้องและแบตเตอรี่ที่มากกว่า 10 ชั่วโมงขึ้นไป บนหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรตสูง และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น

อีกเซกเมนต์คือเกมมิ่งพีซี แม้จะเพิ่งเริ่มต้นแต่เอชพีเชื่อว่าจะเข้ามาในหัวใจคนเล่นเกมโดยเอชพีย้ำว่าได้ทำงานพร้อมกับแบรนด์ระดับโลก มีการอัปเกรดส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) มีการปรับ Auto Performance ให้เครื่องทำงานและปรับระบบความร้อนได้ดีขึ้นขณะเล่นเกมแบบอัตโนมัติ จุดนี้เอชพีย้ำว่ามีการทำงานร่วมกับเอ็นวิเดีย (Nvidia) ด้วย คาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเกมมิ่งใหม่ 2 รุ่น ที่มีความบางกว่า 2 เซนติเมตร ในตระกูล Victus

พีซีเกมมิ่งของเอชพีถูกวางแผนให้ครอบคลุมเกมเมอร์ทุกระดับ ขณะเดียวกัน มีทั้งเมาส์ หูฟัง และอุปกรณ์ที่ครบเพื่อตอบโจทย์เกม VR โดยเน้นรองรับการเล่นเกมทุกรูปแบบทั้งบนคอนโซลและโมบาย

สำหรับไข่แดงอีกฟอง คือธุรกิจเครื่องพิมพ์ เอชพีย้ำว่าปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์ลูกค้ามากขึ้น มีการออกแบบให้เครื่องสามารถเรียนรู้ความต่างของผู้ใช้ ทั้งกลุ่มผู้ใช้บ้าน ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจรายย่อย และองค์กรใหญ่อย่างระดับเอ็นเตอร์ไพรส์

เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์มีอัตราเติบโตราว 15% โตเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ปกติ
ผู้ใช้กลุ่มบ้าน เอชพีมองว่ามีความต้องการพิมพ์ที่สะดวกและง่าย สินค้าที่นำมาจับกลุ่มนี้คือสมาร์ทแท็งก์ที่สามารถพิมพ์ที่ไหนก็ได้ รวมถึงการเปิดให้สั่งพิมพ์ผ่านแอป และติดตามการพิมพ์ได้ผ่านไว-ไฟ (WiFi) ที่สามารถเชื่อมต่อได้แบบอัตโนมัติ สำหรับผู้ใช้กลุ่ม SME กลุ่มนี้มีความต้องการพิมพ์จำนวนมากและไม่เลอะเทอะ เอชพีจึงมุ่งพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่ตอบโจทย์การพิมพ์งานจำนวนมากในเวลารวดเร็ว ขณะที่ผู้ใช้เอ็นเตอร์ไพรส์จะเน้นความปลอดภัยคู่กับการเพิ่มอารมณ์ไลฟ์สไตล์เข้าไปในเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ นำไปสู่การพัฒนาเครื่องพิมพ์ขนาด A3 ที่สามารถเปลี่ยนเคสเครื่องพิมพ์ได้หลายสี เพื่อให้เข้ากับโทนสีของแบรนด์บริษัทที่ใช้งานอยู่

เอชพียังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทำไฮบริดเวิร์ก ด้วยการติดคีย์บอร์ดและระบบที่ทำให้เครื่องพิมพ์สามารถทำงานบนคลาวด์ เครื่องพิมพ์จะสามารถส่งงานไปยังปลายทางได้โดยไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์ เป็นการลดขั้นตอนการทำงานของลูกค้าได้ ขณะเดียวกัน พิมพ์หมึกใหม่ยังมีการออกแบบตลับหมึกให้เล็กลง ใช้พลาสติกน้อยลง พร้อมกับขนาดเครื่องพิมพ์ที่เล็กลง 10% แต่สามารถพิมพ์ได้มากขึ้น 30%

อีกกลยุทธ์คือความยั่งยืน ปี 2030 เป็นปีที่เอชพีวางแผนจะมีค่าความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่วนนี้บริษัทมีนโยบายออกใบรับรองให้บริษัทที่ส่งตลับหมึกกลับมายังบริษัท เพื่อแลกกับคะแนนสะสมรางวัล รวมถึงใบรับรองที่ช่วยให้บริษัทที่เป็นลูกค้าเอชพีมีค่าความเป็นการทางคาร์บอนได้เช่นกัน

***ตลาดพิมพ์เอเชียคึกคัก

ซาเมียร์ ชาห์ รองประธาน และหัวหน้าฝ่ายธุรกิจการพิมพ์ เอชพี เกรทเทอร์เอเชีย กล่าวว่าตลาดการพิมพ์ไทยนั้นเติบโต 11% เฉพาะปีที่ผ่านมาโดยตลาดรวมธุรกิจการพิมพ์ขนาด A3 เติบโต 7% เป็นสัญญาณแสดงว่าผู้คนกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ

พื้นที่แสดงอุปกรณ์ไฮบริดเวิร์กโซลูชัน ส่วนหนึ่งของกลุ่มสินค้าที่เป็นไข่แดงธุรกิจเอชพี
แต่ไม่เพียงตลาดไทย เทรนด์ธุรกิจการพิมพ์ในเอเชียช่วงอนาคตจากนี้จะเติบโตใน 2 ด้าน ด้านแรกคือ ความต้องการใช้งานสำหรับไฮบริดเวิร์ก ซึ่งมีโควิดเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น พร้อมกับที่ลูกค้าต้องการได้รับประสบการณ์ที่ดี นำไปสู่กระแสการบริโภคในรูปสมาชิก ขณะที่ในเยาวชนนั้นมีแนวโน้มเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเรื่องความยั่งยืน

"อีกด้านคือเทรนด์ของพอร์ตฟอลิโอ แนวโน้มแรกที่เราเห็นคือเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์นั้นเติบโตถึง 15% โตเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ปกติ แนวโน้มที่ 2 คือแม้เครื่องพิมพ์ขนาด A4 จะยังเพิ่ม แต่เครื่องพิมพ์ขนาด A3 กำลังจะเปลี่ยนอัตราส่วนเซกเมนต์ในตลาดการพิมพ์ แนวโน้มที่ 3 คือผู้คนเริ่มใช้บริการการพิมพ์ในรูปพรินเตอร์แอสอะเซอร์วิส ซึ่งสมาชิกจะสามารถสั่งซื้อหมึกได้ทันใจ เพียงชำระเงินหลักพันบาทเพื่อพิมพ์ตามจำนวนที่ต้องการ"

ซาเมียร์ย้ำว่า เอชพีมีแผนจะต่อยอดบริการด้านการพิมพ์ Easy Ink ที่เริ่มต้นในไทยไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทิศทางการตอบรับที่ดีทำให้เอชพีกำลังวางแผนพัฒนามากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการ ให้แน่ใจว่าเอชพีสามารถชนะความท้าทาย เรื่องการนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และผลักดันให้เอชพีเป็นแบรนด์ด้านการพิมพ์อันดับ 1 ในไทยต่อไป

***ไร้แววแว่น VR

ท่ามกลางสินค้ามากมายที่เอชพีเตรียมทำตลาดไทยในปีนี้ เทคโนโลยีที่ไม่ได้นำมาโชว์ตัวนั้นมีทั้งเทคโนโลยี Generative AI ที่เอชพีกำลังพยายามต่อยอดจากสิ่งที่มี โดยมีการร่วมพัฒนากับบริษัทพันธมิตรเพื่อให้เกิดการใช้งานด้านข้อมูลที่ดีขึ้นในอนาคต ทั้งในแง่การเก็บข้อมูลและการใช้ AI ทางธุรกิจ ซึ่งชาวเอชพีจะได้เห็นฟังก์ชันเพิ่มเติมแน่นอนในอนาคต

เดวิด ตัน (กลาง) วรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ (ที่ 2 จากขวา) ซาเมียร์ ชาห์ (ที่ 2 จากซ้าย) และทีมผู้บริหารเอชพี ประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีเทรนด์การใช้งานแบบสมาชิก และบริการอุปกรณ์เครื่องพิมพ์และการพิมพ์แบบต่างๆ เบื้องต้นเอชพีย้ำว่ามีการไต่ถามจากองค์กรไทยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากตลาดมีความเข้าใจ คาดว่าปีหน้าจะได้เห็นบริการสมาชิกในตลาดคอนซูเมอร์จากเอชพี เป็นการขยับรับกระแสนิยมในบริการที่เติบโตก้าวกระโดดตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

สำหรับกระแสที่คู่แข่งได้เปิดตัวอุปกรณ์สวมศีรษะเทคโนโลยี VR ผู้บริหารเอชพียืนยันว่าบริษัทจะไม่พัฒนาตามใคร แต่จะมุ่งทำตลาดเฉพาะสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการ

‘เรากำลังติดตามดูอย่างใกล้ชิด ยังไม่มีแผนพัฒนาในขณะนี้ ต้องรอดูความต้องการจึงจะพัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์ผู้ใช้ ทั้งหมดนี้ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเอชพี ที่มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และจะติดตามลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าต่อเนื่องในอนาคต’ เดวิด ตัน ระบุอย่างไรก็ตาม วรานิษฐ์ยืนยันว่าการรอให้เห็นความต้องการแล้วจึงพัฒนาสินค้าตามความต้องการนั้นจะไม่ล่าช้าเกินไป โดยเอชพีต้องการเทโฟกัสกับสิ่งที่พร้อมนำเสนอในขณะนี้ให้มากที่สุด

‘เอชพีไม่ได้บอกว่า VR ไม่ได้อยู่ในแผน เพียงแต่สินค้ากลุ่มไฮบริดเวิร์กนั้นมีความพร้อมทำตลาดแล้วในตอนนี้’ วรานิษฐ์ทิ้งท้าย ‘แม้เกมออนไลน์จะมีความต้องการบนโมบายมากขึ้น แต่เราเชื่อว่ายังมีความต้องการบนพีซีสูง และกำลังซื้อของประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ต้นปี เซกเมนต์ที่ดีคือเกมมิ่ง ขณะเดียวกัน ภาวะการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวในประเทศไทย ทำให้องค์กรมีการกลับมาลงทุน แม้จะมีรูปแบบการลงทุนเปลี่ยนไป’


กำลังโหลดความคิดเห็น