“ซีที” หรือแซตทีอี (ZTE) พาเหรดทัพสมาร์ทโฟน ZTE พร้อมแท็บเล็ตเรือธงสุดล้ำ Nubia PAD 3D รวมกว่า 5 รุ่น มั่นใจพลิกโฉมประสบการณ์ดิจิทัลแบบ 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยีเอไอ รุกเจาะตลาดประเทศไทยขอส่วนแบ่ง 1% ปีนี้ก่อนเพิ่มเป็น 3% ใน 3 ปี ประเดิมขายสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตตลาดไทยราคาเริ่ม 1,990 บาท
นายหลัว เหว่ย รองประธาน แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น เผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงในกลุ่มอาเซียน โดย ZTE กลับมาสานต่อธุรกิจอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา เบื้องต้น บริษัทหวังว่าจะพัฒนาตลาดในระยะยาว โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตร เชื่อว่าจะพัฒนาธุรกิจได้สำเร็จบนความช่วยเหลือและแรงสนับสนุนจากพันธมิตร
"จุดแข็งของเราคือเครื่องคุณภาพสูง ในราคาจับต้องได้ เรามีทีมขายที่มีความรู้ด้านเทคนิค เชื่อว่าจะไปได้ดีในตลาดไทย" หลัว เหว่ย กล่าว "ZTE กลับมาทั้งหมด และไม่แค่ไทย แต่มาสานต่อธุรกิจที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ มีการวางแผนเข้ามาในตลาดอย่างระยะยาว มีนโยบายที่ชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาธุรกิจไปด้วยกันกับพาร์ตเนอร์ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ในที่สุด"
หลังจากมีปัญหาพันตัวจนหายไปจากตลาดไทยพักหนึ่ง ZTE ตัดสินใจคัมแบ็กเพราะการมองเห็นโอกาสตลาดในช่วงหลังโควิด วิสัยทัศน์คือการสร้างการเชื่อมต่อและการเข้าถึงไปทุกที่ด้วยนวัตกรรมที่มีคุณภาพ ที่ผ่านมา บริษัทสามารถเพิ่มรายได้เป็น 17.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่เพียงรายได้ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ ZTE ยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอีสปอร์ตรายใหญ่ และมีแบรนด์ย่อย 4 แบรนด์คลุมทุกเซกเมนต์ สามารถจำหน่ายสินค้าไปแล้วกว่า 3 ล้านชิ้น ทำธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ
ในปีนี้ ZTE วางแผนรุกตลาดไทยด้วยการเปิดตัว Nubia PAD 3D แท็บเล็ตเอไอ 3 มิติ รุ่นแรกของโลกในประเทศไทย พร้อมทัพสมาร์ทโฟนใหม่อีก 4 รุ่น ได้แก่ ZTE Blade A31 plus 2023 ZTE Blade A33s ZTE Blade 53 Pro และ nubia Neo 5G ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล UNISOC โดยสามารถเพิ่มจำนวนคู่ค้ารายย่อย หรือมาสเตอร์ ดีลเลอร์อีก 16 ราย คาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนแซดทีอี กระจายสินค้าและช่องทางการขายทั่วประเทศได้ตามเป้าหมาย
นายจัสติน ลี ซีอีโอกลุ่มธุรกิจโมบาย ดีไวเซส ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า แม้ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะหดตัว แต่สมาร์ทโฟน 5G ยังคงได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมถึงตลาดโมบายเกมเช่นเดียวกัน จากการวิจัยตลาดของรีเสิร์จ แอนด์ มาร์เก็ต คาดการณ์ว่าตลาดเกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 8.5% โดยในปีที่แล้วมีจำนวนผู้เล่นเกมออนไลน์บนมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นกว่า 250 ล้านคน จากมาเลเซีย ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ถือเป็น 6 ตลาดเกมมือถือหลักที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"นี่เป็นผลมาจากการลงทุนขยายเครือข่าย 5G และเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เป็นปัจจัยหลักผลักดันศักยภาพการเติบโตอย่างมหาศาล รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ e-sports ยังเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดเกมในภูมิภาคนี้อีกด้วย แซดทีอีตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 3% ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเติบโตกว่า 100% ภายใน 3 ปีนับจากนี้” นายจัสติน ลี กล่าว
ด้าน นายชอว์น เผย ผู้จัดการประจำประเทศไทย แซดทีอี ดีไวซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า แซดทีอี ประเทศไทยมีเป้าหมายสร้างยอดขายสมาร์ทโฟนให้มีส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ 1% เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 1.5% ในปี 2567 และเติบโตเพิ่มเป็น 3% ภายในปี 2568 สำหรับแผนการทำตลาดสมาร์ทโฟน ZTE ในประเทศไทยจะเน้นกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยใช้แบรนด์สมาร์ทโฟนของบริษัท ได้แก่ ZTE Blade นูเบีย (Nubia) และ Redmagic รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอีโคซิสเต็มของ ZTE เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลาย ตอบความต้องการลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ไปพร้อมกับการสร้างตลาดแบรนด์ให้เป็นรู้จักมากขึ้นผ่านการสื่อสารการตลาด และการประชาสัมพันธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและการตลาดที่เข้มแข็ง
"ZTE ให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านช่องทางการขายต่างๆ โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งการมีหน้าร้านผ่านทางพันธมิตรคู่ค้า นอกเหนือจากผู้จัดจำหน่ายหลัก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในกลุ่มเบญจจินดาแล้ว ในปีนี้ แซดทีอี ยังได้แต่งตั้งพันธมิตรคู่ค้ารายย่อย หรือ มาสเตอร์ ดีลเลอร์ โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ หรือ MOU ร่วมกันกับมาสเตอร์ ดีลเลอร์ เพิ่ม 16 ราย ช่วยกระจายผลิตภัณฑ์แซดทีอีเพื่อให้ครอบคลุมตลาดทั่วประเทศไทยมากขึ้น” ผู้จัดการประจำประเทศไทย แซดทีอี ดีไวซ์ กล่าวย้ำ
สำหรับสินค้าล่าสุดที่ ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใหม่ ได้แก่ 1.ZTE Blade A31 Plus 2023 ดีไซน์สีเขียวน้ำเงินหม่น มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขนาด 6 นิ้ว กล้องออโต้โฟกัส ซิปเซ็ต ซีพียู Octa-core ความจุ 2+32GB ราคา 1,990 บาท 2.ZTE Blade A33s จอแบบหยดน้ำ ขนาดกว้าง 6.3 นิ้ว ความจุแบตเตอรี่ 4000mAh ซีพียู Octa-core 1.6GHz ปลดล็อกด้วยระบบสแกนใบหน้า กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 5MP ความจุ 4+32GB ราคา 2,299 บาท 3.ZTE Blade A53 Pro กล้องคู่หลังความละเอียด 13 MP+2MP และกล้องหน้าความละเอียด 5MP หน้าจอหยดน้ำ หน้าจอใหญ่ 6.52 นิ้ว HD+ แบตเตอรี่ 5000mAh ซีพียู Octa-core 1.6 GHz ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ความจุ 8+64GB ราคา 2,699 บาท
4.Nubia PAD 3D ซีพียู Qualcomm Snapdragon 888 หน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว มีระบบ AI จับดวงตา สามารถเปลี่ยนคอนเทนต์ธรรมดาให้เป็น 3 มิติได้แบบ Real-time แบตเตอรี่ 9700mAh (Typical) ชาร์จเร็ว 33 วัตต์ USB Type-C 3.1 ระบบปฏิบัติการ Android 12 ความจุ 12+256GB ราคา 46,900 บาท และ 5.nubia Neo 5G ประสบการณ์ใหม่สำหรับเกมเมอร์ รองรับ 5G พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในเดือนมิถุนายน 2566 นี้