A10 Networks ส่งโซลูชัน Application Delivery ผสานรวมกับ Next-Gen WAF จาก Fastly เพิ่มการป้องกันความปลอดภัยระบบคลาวด์ ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นสำหรับสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบไฮบริด
มิกโกะ ดิษิณี (Mikko Disini) รองประธานฝ่ายการจัดการสายผลิตภัณฑ์ของ A10 Networks กล่าวถึงการเลือกพันธมิตรเพื่อนำเสนอการรักษาความปลอดภัยไฟร์วอลล์ของเว็บแอปพลิเคชันที่เหนือกว่าสำหรับโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริดของ A10 ว่า Fastly เป็นตัวเลือกที่ชัดเจน และเป็นตัวเลือกของลูกค้า Gartner Peer Insights สำหรับ Cloud Web Application และ API Protection (WAAP)
"ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โซลูชันแบบรวมของเราจะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสำหรับทีมรักษาความปลอดภัย”
A10 Networks อธิบายว่า ขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลปรับให้องค์กรส่วนใหญ่ในปัจจุบันเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัล แต่ประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายของการทำงานบนคลาวด์ยังเป็นข้อกังวลสูงสุด นอกจากนี้ วิธีการรักษาความปลอดภัย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้สภาพแวดล้อมบนคลาวด์แบบไฮบริดเป็นอัตโนมัติยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ A10 Networks จึงส่งโซลูชันที่รวมกันระหว่าง Thunder Application Delivery Controller (ADC) และ A10 Next-Generation Web Application Firewall (WAF) ใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดย Fastly เพื่อให้บริการความปลอดภัยหลายชั้น ที่มีความอัตโนมัติและยืดหยุ่น
เอมิลี ไฟรด์เบิร์ก (Emily Friedberg) รองประธานกลุ่มฝ่ายหุ้นส่วนระดับโลกของ Fastly กล่าวว่า A10 Networks สามารถมอบการส่งมอบแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพสูงและการรักษาความปลอดภัย และโซลูชันนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ Next-Gen WAF ของ Fastly เพื่อช่วยให้ลูกค้าร่วมกันได้รับการรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชันเว็บเชิงลึกสำหรับสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบไฮบริด
"นี่เป็นการนำ Application Delivery Controller แบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ โซลูชันแรกที่มาทำงานร่วมกับ Fastly ซึ่งขยายตลาดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราและมอบ A10 ด้วยเทคโนโลยี WAF ขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า”
A10 เชื่อว่าโซลูชันที่สมบูรณ์จะช่วยส่งมอบความคุ้มค่าบนคลาวด์และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นในขณะที่องค์กรต่างๆ สร้างโมเดลการดำเนินงานบนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานรวมกันช่วยให้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูง ในช่องทางเข้าถึงหลักของแอปพลิเคชัน ซึ่งช่วยลด False Positives และทำให้การรักษาความปลอดภัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิผล
เพื่อเสริมความปลอดภัยและความยืดหยุ่นของไฮบริดคลาวด์ บริษัทจึงเพิ่ม A10 Next-Gen WAF ซึ่งขับเคลื่อนโดย Fastly ให้พอร์ตโฟลิโอโซลูชันโดยเป็นส่วนเสริมที่ผสานรวมเข้ากับโซลูชัน A10 Thunder ADC การใช้งาน A10 Thunder ADC และ A10 Next-Gen WAF ร่วมกันเป็นโซลูชันเดียว เพื่อปรับปรุงการป้องกันเว็บผ่านอุปกรณ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งในสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ โซลูชันนี้สามารถนำไปใช้กับฟอร์มแฟกเตอร์ที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องเสมือนและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
ในส่วนของ Thunder ADC นอกจากจะมีตัวเลือกความพร้อมใช้งานขั้นสูงแล้ว ยังสามารถดำเนินการป้องกัน DDoS การรับรองความถูกต้อง และการตรวจสอบโปรโตคอลในระดับต่างๆ ของ A10 Next-Gen WAF ที่ผสานรวมไว้ให้บริการการรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชันเว็บเชิงลึก เนื่องจากโซลูชันตั้งอยู่ที่จุดทางเข้าของแอปพลิเคชันหลัก การปรับใช้เพียงครั้งเดียวสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ฟรอนต์เอนด์หนึ่งแอปพลิเคชัน หลายร้อยหรือหลายพันแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องปรับ End-Point ของเซิร์ฟเวอร์แต่ละรายการ ซึ่งช่วยให้ความพร้อมใช้งานเร็วขึ้นด้วยการปรับใช้แอปพลิเคชันที่ปลอดภัย
จุดเด่นของการทำงานร่วมกันระหว่าง A10 Thunder ADC และ A10 Next-Gen WAF คือการมอบชุดความสามารถที่เหนือกว่าไฟร์วอลล์แบบสแตนด์อะโลน หรือเว็บแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิม ทั้งด้านการป้องกันแบบเลเยอร์ ที่สามารถตอบโต้ภัยคุกคามทางเว็บสมัยใหม่ และรวมถึงการบรรเทา OWASP Top 10 การป้องกัน DDoS การตรวจสอบสิทธิ และการถอดรหัส TLS/SSL
นอกจากนี้ ยังลดความซับซ้อนด้วยการควบรวม โดยจะรวมเข้าด้วยกันภายใต้ Thunder ADC เป็นโซลูชันอุปกรณ์เดียวที่ผสานรวมอย่างสมบูรณ์ซึ่งปรับให้เหมาะสมด้วยโหลดบาลานซ์ขั้นสูง การแคช ADC และบริการคลาวด์ Fastly; ลูกค้ามีจุดสนับสนุนเดียวด้วย A10
ขณะเดียวกัน ยังใช้งานง่าย ลดความเสี่ยงบนต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะไม่มีระยะเวลาการเรียนรู้สำหรับทีมไอทีที่มีค่า False Positive ใกล้ศูนย์ เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ Fastly ทำงานในโหมดบล็อก เพื่อให้มั่นใจว่าเฉพาะทราฟฟิกที่ไม่ดีเท่านั้นที่จะหยุดทำงาน โดยให้การปกป้องที่เหนือกว่าด้วยการปรับแต่งเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และสามารถป้องกันการโจมตีสมัยใหม่ เช่น การขโมยบัญชีผู้ใช้ (ATO) การโจมตีแบบสุ่ม และ DDoS ผสานรวมกับเครื่องมือ DevOps และ SIEM ยอดนิยมด้วย
