xs
xsm
sm
md
lg

ASUS เดินเกมสร้างจุดเปลี่ยนพีซีบางเบา (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางสถานการณ์แข่งขันในตลาดพีซีที่ตัวเลขยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2023 ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 56.9 ล้านเครื่องทั่วโลก ลดลงกว่า 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2019 ก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พีซีทั่วโลกมียอดขายกว่า 59.2 ล้านเครื่อง

จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความต้องการในตลาดพีซีเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ และเป็นช่วงเวลาที่บรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อมากระตุ้นยอดขายอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ต่อเนื่องไปถึงช่วงปี 2024 ที่คาดว่าดีมานด์ในตลาดพีซีจะกลับมาอีกครั้ง

นักวิเคราะห์จากไอดีซี ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากในช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมาได้เร่งให้ตลาดพีซีมีการเติบโต รวมถึงการเร่งกำลังการผลิตสินค้าออกมาจนเกินความต้องการของตลาดทำให้ในช่วงนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณของการลดราคาสินค้าที่ค้างสต๊อก เพื่อรอการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงกลางปีนี้

อย่างไรก็ตาม ไอดีซียังมองว่าสัญญาณการชะลอตัวในตลาดพีซีนี้กลายเป็นปัจจัยบวกให้แก่บรรดาผู้ผลิตสินค้าที่กำลังวางแผนในการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของซัปพลายเชนด้วยการย้ายฐานการผลิตสินค้าออกมานอกประเทศจีน รวมถึงการทบทวนแผนในการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

พร้อมกันนี้ คาดว่าในปี 2024 ตลาดพีซีทั่วโลกจะเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากปัจจัยที่ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนเครื่องใหม่ทดแทนเครื่องเดิม รวมถึงโครงการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ต้องมีการอัปเกรดดีไวซ์ใหม่ และภาคธุรกิจที่ต้องอัปเกรดคอมพิวเตอร์ให้รองรับ Windows 11 หลังจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะสนับสนุน Windows 10 ต่อไปจนถึงปี 2025 เท่านั้น

สำหรับการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ยังเผชิญแรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจ ประกอบกับความต้องการใช้งานของกลุ่มผู้บริโภคที่ลดน้อยลงหลังจากผ่านมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ จนทำให้คาดว่ายอดจัดส่งพีซีในปีนี้ของภูมิภาคเอเชียจะต่ำกว่า 106.6 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นยอดขายรวมของปีที่ผ่านมา

***ยก Zenbook ผู้นำนวัตกรรมโน้ตบุ๊ก


จากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เอซุส (ASUS) ที่ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ท็อป 5 ของโลก ใช้ช่วงเวลานี้ในการนำเสนอนวัตกรรม สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบาออกสู่ตลาดอีกครั้ง และหวังว่าจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในตลาดโน้ตบุ๊กสำหรับคอนซูเมอร์ ที่จะได้เครื่องประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา ในระดับราคาที่จับต้องได้

ผู้บริหารเอซุส ระบุว่า ในปีนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเอซุสใน 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊กบางเบาในตระกูล Zenbook และการเปิดตลาดใหม่ที่ไม่ใช่โน้ตบุ๊กสำหรับสินค้าภายใต้แบรนด์ ROG ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้

พร้อมกับให้ข้อมูลถึงจุดเริ่มต้นของ ASUS Zenbook ที่เปิดตัวมาในปี 2011 หรือ 12 ปีที่แล้วอย่าง Zenbook UX31 ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กบางเบารุ่นแรกของเอซุส ที่ยังมีดีไซน์ที่ล้ำสมัยถึงในปัจจุบันนี้ ต่อเนื่องมาถึง Zenbook UX305 ในปี 2015 ซึ่งเป็นหนึ่งใน Zenbook ที่มียอดขายดีที่สุดทั่วโลก


เอซุส ยังได้นำเสนอนวัตกรรมในสินค้าตระกูลนี้มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Zenbook 3 (UX390) โน้ตบุ๊กบางเบาที่เข้าไปเจาะกลุ่มผู้ใช้ระดับพรีเมียม Zenbook Pro 15 ที่มากับหน้าจอ Screen Pad เสริมเข้ามาให้ใช้งาน

ก่อนขยายไลน์ Zenbook ให้ครอบคลุมทั้งขนาด 13 นิ้ว 14 นิ้ว และ 15 นิ้วในปี 2018 โดยยังไม่ทิ้งความโดดเด่นในแง่ของน้ำหนักเบาราว 1.1 กิโลกรัม จนในปีที่ผ่านมากับการนำเสนอ Zenbook 17 Fold OLED โน้ตบุ๊กจอ OLED พับได้รุ่นแรกของโลก

สำหรับในปีนี้ ASUS จะกลับมาเน้นการนำเสนอโน้ตบุ๊กบางเบาที่เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ด้วย Zenbook S 13 OLED รุ่นปี 2023 ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กจอ OLED 13.3 นิ้ว น้ำหนักเบาที่สุดในโลกที่ 1 กิโลกรัม และบาง 1 เซนติเมตร เป็นแฟลกชิปสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ใช้งานในปีนี้


จุดเด่นหลักของ Zenbook S13 คือการเปลี่ยนมาใช้วัสดุหลักอย่าง Plasma Ceramic Aluminum ที่มีความแข็งแรงกว่าอะลูมิเนียมที่ใช้งานกันในปัจจุบัน และให้สัมผัสที่เหมือนหินอ่อนเสริมทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ ความแข็งแรงของตัวเครื่องและที่สำคัญคือเป็นวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%

ถัดมาคือหน้าจอ 13.3 นิ้ว ASUS Lumina OLED ความละเอียด 2.8K ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน้าจอใหม่ล่าสุดของทางเอซุส ที่รวมความโดดเด่นของหน้าจอ OLED ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแม่นยำของสีที่ผ่านมาตรฐาน 100% DCI-P3 ลดอัตราการปล่อยแสงสีฟ้าได้ถึง 70% รองรับอัตราการแสดงผลที่ 120 Hz ให้สีดำที่ดำสนิท และความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 550 nits

สุดท้ายคือในแง่ของการเชื่อมต่อที่ให้มาครบถ้วน แม้ว่าตัวเครื่องจะมีความบางเพียง 1 เซนติเมตร แต่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง HDMI 2.1 และ Thunderbolt 4 ที่รองรับการเชื่อมต่อจอแสดงผลสูงสุดที่ 8K60Hz รวมถึงพอร์ต USB 3.2 และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้ใช้งาน


ภายในซีพียูสามารถเลือกใช้งานได้ถึง 13 Gen Intel Core i7 RAM สูงสุด 32 GB และ SSD 1 TB รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6E และที่สำคัญคือขนาดแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 63Wh ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องมากกว่า 14 ชั่วโมง นานกว่าเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 17 นิ้วในท้องตลาดที่มีตัวเครื่องใหญ่กว่าและหนากว่าเท่าตัว และยังมีรุ่นที่ให้แบตเตอรี่มาใช้งานน้อยกว่าพร้อมรองรับชาร์จเร็ว 50% ภายใน 30 นาที

***บุกตลาดเครื่องเกมพกพา

นอกจากการเปิดตัวโน้ตบุ๊กบางเบาแล้ว ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ASUS มีแผนจะเปิดตัวเครื่องเกมพกพา ROG Ally ออกสู่ตลาด หลังเริ่มเปิดเผยข้อมูลออกมาในวันที่ 1 เมษายน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็น April Fool’s แต่กลายเป็นว่าจะเป็นสินค้าจริงที่เอซุสผลิตออกมาทำตลาด

รายละเอียดเบื้องต้นสำหรับ ROG Ally คือ มากับหน้าจอ Full HD ขนาด 7 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ตัวเครื่องประสิทธิภาพสูงจากหน่วยประมวลผลของ AMD บนสถาปัตยกรรม Zen4 รองรับการเล่นเกมพีซีระดับ AAA ได้ผ่านอุปกรณ์พกพานี้

ทั้งนี้ ยังต้องจับตาดูถึงก้าวต่อไปของเอซุสในตลาดเครื่องเกมคอนโซล เพราะปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายรายที่ทำเครื่องเกมพกพาออกมาจำหน่ายรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมที่แพร่หลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น