‘ดาร์วินบอกซ์’ สตาร์ทอัปยูนิคอร์น เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทรัพยากรบุคคล (HR Tech) เปิด 3 แนวทางรุกตลาดประเทศไทย หลังเห็นการเติบโต 2.5 เท่า พร้อมเชื่อมระบบไมโครซอฟท์ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาดองค์กรธุรกิจ
นายเจยันต์ พาเลติ ผู้ร่วมก่อตั้งดาร์วินบอกซ์ กล่าวว่า ในประเทศทไทย ดาร์วินบอกซ์มีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ในปี 2565 มีการเติบโตขึ้น 2.5 เท่า และมีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า นับตั้งแต่รอบการระดมทุนในระดับยูนิคอร์น เมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับในปี 2566 นี้ ดาร์วินบอกซ์มี 3 แนวทางในการทำตลาด ประกอบด้วย 1.การนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมากขึ้น ผ่านการพัฒนาร่วมกับไมโครซอฟท์ให้มีผลิตภัณฑ์กว้างมากขึ้น พร้อมลงทุนในระบบ HRMS อย่างต่อเนื่อง
“การลงทุนในระบบบริหารทรัพยากรบุคคลจะช่วยให้การทำงานครอบคลุม อย่าง Core HR ระบบบันทึกเวลาและการเข้างาน การจัดการความสามารถพิเศษ การสรรหาบุคลากร การเริ่มต้นใช้งาน การมีส่วนร่วมของพนักงาน การจัดการประสิทธิภาพ รางวัลและการยอมรับ การวิเคราะห์บุคคล”
2.รองรับความต้องการลูกค้าไทยมากขึ้น ปัจจุบันดาร์วินบอกซ์ ได้ร่วมทำงานกับองค์กรชั้นนำ ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ บริษัท Bitkub, Ampacet, Cars 24, K- HA, SCB 10X เป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังให้บริการแก่องค์กรและกลุ่มบริษัทชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น JG Summit Holdings (ปัจจุบันคือ Gokongwei Group), Al Rajhi Bank Malaysia, Aviva Singlife, Tokopedia, Shakey's Pizza, Kopi Kenangan และแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำ เช่น Nivea, Starbucks, Dominos, Sephora, Swarovski และที-ซิสเต็มส์
3.สร้างทีมงานให้แข็งแกร่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ดาร์วินบอกซ์ได้แต่งตั้งนายภาณุวัฒน์ เบ็ญเราะมาน (เบน) เป็นกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารสูงสุดประจำประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสนับสนุนกลยุทธ์ทางธุรกิจส่งมอบเทคโนโลยีเพื่อช่วยตอบโจทย์องค์กรธุรกิจในประเทศ
“องค์กรธุรกิจเกือบทั่วโลกมีความพร้อมในการทำงานผ่านระบบคลาวด์ ดาร์วินบอกซ์จะรวมการบูรณาการเชิงลึกด้านนวัตกรรมหลายสายงาน ผสานรวมกับระบบของไมโครซอฟท์ ช่วยปลดล็อกการทำงานให้พนักงานมีศักยภาพสูงสุด”
ปัจจุบันระบบ HR Tech ได้เข้ามามีบทบาท เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน ก็รักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวด้วย เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้
ทั้งนี้ ดาร์วินบอกซ์มีแผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปี 2566 ด้วยการลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์เป็นระบบเปิดให้เชื่อมเข้ากับระบบคลาวด์ไมโครซอฟท์ เพื่อเข้าถึงตลาดได้ทั่วโลก เพิ่มประสิทธิภาพการรายงาน การวิเคราะห์ และ AI