ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศเพิ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ในฟีเจอร์ผู้ช่วยอัจริยะล่าสุด "โคไพลอท" (Copilot) จะพร้อมใช้งานในแอปธุรกิจยอดฮิตทั้ง Word, PowerPoint และ Excel ถือเป็นก้าวล่าสุดหลังจากการเปิดตัวเสิร์ชเอ็นจิ้น Bing เวอร์ชันใหม่ที่รวมแชทบอท GPT ของ OpenAI เมื่อกุมภาพันธ์ 66 โดย OpenAI นั้นเพิ่งเปิดตัวซอฟต์แวร์ GPT-4 ต่อสาธารณชนเมื่อต้นมีนาคม ด้วยจุดขายเรื่องความสามารถแปลงข้อความเป็นภาพและวิดีโอได้ดีกว่า GPT-3
สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมโครซอฟท์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าถือเป็นก้าวสำคัญถัดไปในวิวัฒนาการของวิธีการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ซึ่งจะเปลี่ยนรูปแบบพื้นฐานการทำงานของทุกคน ทำให้เกิดการปลดล็อกคลื่นลูกใหม่ของการสร้างงาน (productivity) ยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานแบบก้าวกระโดด
“ด้วย Copilot ผู้ช่วยคนใหม่สำหรับการทำงาน เรากำลังมอบความสามารถให้แก่ผู้คนมากขึ้น และทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้มากขึ้นผ่านอินเทอร์เฟซที่เป็นสากลที่สุด นั่นคือภาษาพูดแบบธรรมชาติ”
สิ่งที่สัตยาพูดนั้นสะท้อนหลักคิดของไมโครซอฟท์ได้ดีในวันที่บริษัทกำลังนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างสรรค์ข้อมูลได้เอง (generative artificial intelligence) เช่น แอปสนทนา ChatGPT ยอดนิยมมาสู่ชุดซอฟต์แวร์ธุรกิจ Microsoft 365 โดยไมโครซอฟท์อธิบายเมื่อวันพฤหัสบดีว่า AI ใหม่ที่จะถูกรวมในฟีเจอร์ชื่อ Copilot และจะมีอยู่ในแอพธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของบริษัท เช่น Word, PowerPoint และ Excel ว่าเทคโนโลยี Copilot สร้างขึ้นจากซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า large language model (LLM) ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่นักวิจัยได้ปรับปรุงความสามารถอย่างเข้มข้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อข้อความได้มากขึ้น
ความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์ตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังได้รับความสนใจจากการผงาดของเทคโนโลยี generative AI โดยตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการที่ระบบสามารถทำงานต่างๆ ในเวลาไม่กี่วินาที เช่น การสร้างภาพดิจิทัลตามคำบอกที่ถูกพิมพ์เป็นอักษรไม่กี่ประโยค และการแชตสนทนาที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ต้องการค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ทำให้ generative AI ถูกกล่าวขานและถูกใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลาย
สำหรับฟีเจอร์ Copilot ไมโครซอฟท์ย้ำว่าจะไม่ได้เป็นเพียงการฝังบริการ ChatGPT ของ OpenAI ลงใน Microsoft 365 เพราะจะมีประสิทธิภาพมากกว่าจนทำให้การร่างจดหมายหรือเอกสารใดทำได้เร็วขึ้น โดยฟีเจอร์ Copilot ใน Word ใหม่จะทำให้ผู้ใช้มี “แบบร่างแรกในการแก้ไขและทำซ้ำ" ที่ประหยัดเวลาในการเขียน แถมยังลดขั้นตอนการจัดหา และเวลาในการแก้ไขได้
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์เสริมว่า "Copilot อาจจะถูก แต่บางครั้งก็ผิด” โดยยอมรับว่าเทคโนโลยี LLM ในปัจจุบันสามารถให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องได้ ตัวอย่างเช่น การเปิดตัวเครื่องมือแชท Bing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI รุ่นใหม่ของบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้ บางครั้งก็สร้างการตอบสนองที่มีความไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และทำให้เกิด "บทสนทนาที่น่าขนลุก" ในบางครั้ง
ไม่ว่าอย่างไร ไมโครซอฟท์แสดงความสามารถน่าทึ่งของเครื่องมือ Copilot ได้อย่างโดดเด่นในวันพฤหัสบดีระหว่างการนำเสนอออนไลน์ โดยยกตัวอย่างว่าสมาชิกในครอบครัวสามารถจัดงานปาร์ตี้ฉลอง "ลูกเรียนจบ" ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งการร่างจดหมายเชิญ และการสร้างสไลด์ PowerPoint ที่จะปรับแต่งภาพจากบัญชีพื้นที่เก็บข้อมูล Microsoft OneDrive ส่วนตัว เพื่อให้ได้ภาพที่น่าสนใจแบบอัตโนมัติ
ฝั่งผู้ใช้ธุรกิจก็สามารถสร้างอีเมลและส่งข้อเสนอทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยขอให้เครื่องมือใหม่นี้เป็นผู้ช่วยร่างให้ ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้อีกครั้งตามความต้องการ
จาเร็ด สปาทาโร (Jared Spataro) รองประธานกรรมการ การทำงานยุคใหม่ และ แอปพลิเคชันเพื่อธุรกิจ กล่าวว่า Copilot สามารถสแกนและจัดการข้อมูลทั้งหมดจาก "ไมโครซอฟท์กราฟ" (Microsoft Graph) ซึ่งเป็นแหล่งเก็บเนื้อหาทั้ง อีเมล ไฟล์การประชุม แชท และบันทึกปฏิทิน โดยข้อมูล Microsoft Graph นี้จะช่วยทำให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เป็นรากของ Copilot สามารถสร้างการตอบสนองที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และปรับปรุงให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
เบื้องต้น Microsoft ไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงว่าฟีเจอร์ AI อย่าง Copilot ใหม่จะเปิดตัวเมื่อใดด้วยราคาเท่าไหร่ โดยเปิดเผยเพียงว่า “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะนำ Copilot ไปใช้กับแอปกลุ่ม productivity apps" ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานทั้ง Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams, Viva, Power Platform และอื่นๆ
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ย้ำว่ากำลังทดสอบ Copilot กับลูกค้าบางกลุ่มเพื่อรับข้อเสนอแนะและปรับปรุงบริการเพิ่มเติม รวมถึงการปรับขนาดเพื่อให้บริการวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยชื่อของลูกค้าที่ร่วมทดสอบแต่อย่างใด
ในภาพรวม ไมโครซอฟท์กล่าวว่า Copilot ผ่านการตรวจสอบความเป็นส่วนตัวหลายครั้ง และมีการปรับแก้ปัญหากรณีที่ซอฟต์แวร์ "ได้รับสิ่งผิดปกติ" หรือพบอคติ รวมถึงการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเมื่อพบข้อผิดพลาด ไมโครซอฟท์จะจัดการกับปัญหาที่พบอย่างรวดเร็วให้ได้
ในอีกด้าน การประกาศครั้งนี้ของไมโครซอฟท์ยังเพิ่มความตื่นเต้นในยุคทองของ ChatGPT เครื่องมือซึ่งเปิดตัวเมื่อพฤศจิกายน 65 โดยบริษัท OpenAI ที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ โดยไมโครซอฟท์เคยกล่าวในเดือนมกราคมว่าจะสนับสนุน OpenAI ต่อเนื่องไปอีกหลายปีบนแผนลงทุนเพิ่มอีกหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่นอน
กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 66 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเสิร์ชเอ็นจิ้น Bing เวอร์ชันใหม่ ที่มีการเพิ่มแชทบอทที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีภาษา GPT-4 ของ OpenAI ทำให้เสิร์ชเอ็นจิ้น Bing มีผู้ใช้เพิ่มอีกหลายคน
ฝั่ง OpenAI นั้นเพิ่งเปิดตัวซอฟต์แวร์ GPT-4 ต่อสาธารณชนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนำเสนอด้วยฐานะการเป็นเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มความสามารถสำคัญเหนือ GPT-3 รุ่นก่อนหน้า ทำให้ระบบสามารถสร้างผลลัพท์ตอบกลับสู่ผู้ใช้ ด้วยข้อความที่สร้างสรรค์และแม่นยำยิ่งกว่าเดิม
การเปิดตัว GPT-4 ของ OpenAI เกิดขึ้นไม่นานก่อนการประกาศของกูเกิล (Google) ที่ระบุว่าบริการจีเมล (Gmai) และด็อคส์ (Docs) ของกูเกิลกำลังเพิ่มเติม generative AIหรือเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างข้อมูลใหม่ได้เองเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ทั่วโลก โดย 14 มีนาคม 66 กูเกิลได้ร่อนแถลงการณ์ย้ำความก้าวหน้าที่ AI จะสามารถปรับปรุงวิธีการทำงานและสื่อสารให้ดีขึ้น ท่ามกลางสายตานักสังเกตการณ์ที่มองว่ากูเกิลกำลังปั้นบริการเวิร์กสเปซ (Workspace) เพื่อชนช้างกับไมโครซอฟท์ให้ได้.
