ฟูจิฟิล์มเตรียมรุกธุรกิจเฮลท์แคร์ในประเทศไทย โชว์ไลน์อัปโซลูชันการถ่ายภาพรังสีแบบครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์ One Stop, Total Healthcare Solution ที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์อันยาวนานด้านเทคโนโลยีการประมวลภาพขั้นสูง พร้อมเสริมทัพด้วยระบบ AI ล้ำสมัย เพื่อเพิ่มการวินิจฉัยทางการแพทย์อย่างแม่นยำ
โนริยูกิ คาวาคูโบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม เฮลท์แคร์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจฟูจิฟิล์มว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มได้ปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการและโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ ขยายธุรกิจและนำเสนอโซลูชันให้หลากหลายอุตสาหกรรม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้แก่สังคม
"ฟูจิฟิล์มไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนานวัตกรรม โดยจะช่วยพัฒนาสนับสนุนด้านสาธารณสุขของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านสาธารณสุขและเป็นหนึ่งในผู้นำทางนวัตกรรมทางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
ในปัจจุบัน ฟูจิฟิล์มเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการขยายธุรกิจที่ครอบคลุมผ่าน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ 2.ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ 3.ธุรกิจนวัตกรรมเพื่อธุรกิจสิ่งพิมพ์ และ 4.ธุรกิจเพื่อการถ่ายภาพ ซึ่งในปีนี้ฟูจิฟิล์มจะมุ่งเน้นการให้บริการในธุรกิจทางด้านเฮลท์แคร์ ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจเฮลท์แคร์ทั่วโลกประมาณ 32% ภายใต้เป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution อันดับหนึ่งในตลาดโซลูชันถ่ายภาพเอกซเรย์ดิจิทัลในประเทศไทย
ทั้งนี้ การเข้าซื้อธุรกิจที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคด้วยภาพของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด หลังจากนั้น ธุรกิจเฮลท์แคร์ของฟูจิฟิล์มก็แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านของเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์ เพราะนอกจากเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล กล้องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร เครื่องอัลตราซาวนด์ เครื่องแมมโมแกรมตรวจเอกซเรย์เต้านม ยังได้เทคโนโลยี MRI และ CT Scan มาเสริมให้โซลูชันในการวินิจฉัยทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเครื่องมือเหล่านั้นยังได้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มอย่าง "REilI" ยิ่งยกระดับการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โช มารูโอะ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า หนึ่งในนวัตกรรมที่ถือเป็นไฮไลต์ของฟูจิฟิล์มได้แก่ เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา FDR Xair ที่เข้ามาตอบโจทย์การตรวจคัดกรองโรคนอกสถานพยาบาลของแพทย์ ด้วยน้ำหนักเพียง 3.5 กิโลกรัม สามารถพกพาและใช้งานได้ในหลายพื้นที่ เช่น ใช้ในการออกเยี่ยมผู้ป่วยในชุมนห่างไกลของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
"ที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มประสบความสำเร็จในการนำโซลูชันเหล่านี้มาคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคจากการลงพื้นที่ในชุมชนห่างไกล ในจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นอกจากนี้ ยังได้ใช้ FDR Xair ในการคัดกรองวัณโรคในพื้นที่ห่างไกลในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็วและรับการรักษาได้ต่อไป" นายโซ มารูโอะ กล่าว
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามายกระดับการตรวจวินิจฉัยระหว่างการผ่าตัด ได้แก่ FDR Cross เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลไร้สายที่มาพร้อมระบบ C-arm สำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ความละเอียดสูง ช่วยเสริมความคล่องตัวให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมาก เพราะสามารถเปลี่ยนแผ่น Detector ตามขนาดที่ต้องการใช้งานได้ พร้อมด้วยระบบ Flurocart อัจฉริยะ ไฮไลต์สำคัญคือฟังท์ชันการทำงานแบบ 2 in 1 ที่เป็นทั้งเครื่องเอกซเรย์ Fluornscopy สำหรับตรวจอวัยวะภายในร่างกายแบบเรียลไทม์ และเป็นเครื่อง Radiogaphy
นอกจากนี้ บริษัท ฟูจิฟิล์ม เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ได้ร่วมกับภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดศูนย์ฝึกอบรม “MAHIDOL UNIVERSITY-FUJIFILM Asia Pacific Healthcare Learning Academy (MU-FAHLA) Center for Advanced Medical Imaging Informatics” ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านรังสีเทคนิคระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแห่งแรกในประเทศไทย เริ่มอบรมแก่ผู้บริหารจัดการและวิศวกรระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System - ระบบการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์) กว่า 50 คน ที่ปัจจุบันนำความรู้จากหลักสูตรไปใช้ในโรงพยาบาลในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า และประเทศอื่นๆ
“ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ฟูจิฟิล์มมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมของประเทศไทยโดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ ผ่านเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานของแพทย์ในหลากหลายรูปแบบและสถานที่ เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาวะที่ดี เราพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและพันธมิตรเพื่อเดินหน้าจัดหาโซลูชันในการดูแลสุขภาพของผู้คนในสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ กลับคืนสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แคมเปญระดับโลก NEVER STOP ของเรา” โนริยูกิ กล่าวทิ้งท้าย