ดีป้าเปิดตัว ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ กลไกยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย หวังเป็นมาตรการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการดิจิทัลไทยเทียบเท่ามาตรฐานสากล พร้อมเปิดโอกาสสู่ตลาดภาครัฐ และนำไปพัฒนาบริการเพื่อประชาชน สอดรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ เผยเตรียมพร้อมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเข้าถึงและสามารถเลือกซื้อสินค้า/บริการดิจิทัลคุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม TECHHUNT
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดทำ ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ นโยบายขับเคลื่อนกลไกการเร่งการเติบโตทางธุรกิจ (Scaling up) ของผู้ประกอบการดิจิทัลไทย โดยระบุว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยที่ผ่านมา กระทรวงดีอีเอสมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กำลังคนและระบบนิเวศดิจิทัล รวมถึงหากลไกใหม่ๆ เพื่อปลดล็อกข้อจํากัดที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเชิงเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ด้วยเหตุนี้ การจัดทำบัญชีบริการดิจิทัลจึงถือเป็นมาตรการสำคัญที่ดีป้ามุ่งมั่นผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมุ่งหวังให้คนไทยได้ใช้สินค้าและบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน และราคาสมเหตุสมผล
“บัญชีบริการดิจิทัลเป็นการรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการดิจิทัลไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านมาตรฐานและราคา ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นตัวช่วยในการคัดกรองสินค้าและบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มองหาสินค้าหรือบริการดิจิทัล ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการดิจิทัลไทยในการเข้าสู่ตลาดภาครัฐ โดยรัฐสามารถใช้กระบวนการทางพัสดุด้วยวิธีคัดเลือกหรือ เฉพาะเจาะจงในการซื้อหรือเช่าซื้อสินค้าและบริการดิจิทัลจากบัญชีบริการดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม มีมาตรฐาน และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้ใช้บัญชีบริการดิจิทัลได้อย่างเป็นทางการภายในเดือนมีนาคม และสร้างเม็ดเงินสะพัดผ่านบัญชีบริการดิจอทัลได้ประมาณหมื่นล้านบาท” นายชัยวุฒิ กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า กล่าวว่า ดีป้าเป็นหน่วยงานหลักในการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล โดยจะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ประกอบการดิจิทัลไทย รวมถึงสินค้าและบริการดิจิทัลที่ขอรับการขึ้นทะเบียน ไม่ว่าจะเป็น Software, Software as a Service, Digital Content Service, Smart Devices และHardware and Firmware ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดด้านมาตรฐานตามที่สำนักงานฯ กำหนด เช่น CMMI, ISO สําหรับ Software และ dSURE สำหรับ Smart Devices ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย การใช้งานและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มั่นใจข้อมูลถูกจัดเก็บในประเทศไทย ไม่รั่วไหล โดยจะต้องมีการระบุราคาที่ชัดเจน เชื่อถือได้ เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมบัญชีกลาง ซึ่งถือเป็นกลไกหลักที่จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการดิจิทัลไทย
ขณะเดียวกัน ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากบริการภาครัฐที่ได้รับการยกระดับด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นของคนไทย สอดรับกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
“ดีป้าเชื่อว่าบัญชีบริการดิจิทัลจะเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างมีคุณภาพ โดยดีป้าเล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการดิจิทัล หรือ ดิจิทัลสตาร์ทอัปไทย แต่ในทางกลับกัน การเติบโตกลับสวนทาง ขณะที่บางรายต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ด้วยเหตุนี้ ดีป้าจึงเร่งทําลายข้อจำกัดต่างๆเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงความสามารถผ่านการพัฒนาสินค้าหรือบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล มีราคาที่สมเหตุสมผล และได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ภาคประชาชนโดย มีตลาดภาครัฐเป็นแก่นสำคัญ พร้อมต่อยอดสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยที่ดิจิทัลสตาร์ทอัปไทยจะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะประเทศไทยบนพื้นฐานของความคุ้มค่า ทั้งคุณภาพและราคา”
พร้อมกันนี้ ดีป้ายังเตรียมพร้อมแพลตฟอร์ม TECHHUNT ที่ได้รวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการไทยที่มีคุณภาพ และมีข้อมูลชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันมีสินค้าและบริการดิจิทัลที่พร้อมขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลแล้วมากกว่า 300 รายการ และจะมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์ม TECHHUNT จะเปิดเป็นสาธารณะให้ทุกคน ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและเลือกใช้ได้อย่างสมัครใจ พร้อมด้วยมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนต่างๆ จากดีป้า
สำหรับผู้ประกอบการทั่วไปที่มีการซื้อหรือจ้างทำ หรือใช้บริการสินค้าหรือบริการในบัญชีบริการดิจิทัลจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยสามารถนำค่าใช้บริการ Software เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไปลดหย่อนภาษีสูงสุด 200% เช่น กรณีค่าบริการ Software มูลค่า 100,000 บาท จะได้รับสิทธินำค่าบริการดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางการกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ ภายในงาน รมว.ดีอีเอส ยังร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ดิจิทัลไทยด้วยตราสัญลักษณ์ dSURE ระหว่างดีป้า โดย ผศ.ดร.ณัฐพล และเอสซีจี โดย นายอภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ดีป้าและเอสซีจีมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมยกระดับคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่น และพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของไทย รวมถึงคัดกรองผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ไม่ได้มาตรฐาน และปกป้องผู้บริโภคจากภัยอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะสามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งเกิดการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่มีคุณภาพต่อไป
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีบริการดิจิทัลได้ที่เว็บไซต์ www.depa.or.th เพจเฟซบุ๊ก depa Thailand หรือสามารถสมัครเป็น depa Member เพื่อขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลได้ที่ LINE Official Account : depaThailand