ดีอีเอส เตือนช่วงวาเลนไทน์มห้ระวังการให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับคนแปลกหน้าผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก โมบายแอปพลิเคชัน ทวิตเตอร์และอินสตาแกรม รวมถึงได้รับข้อความผ่านเอสเอ็มเอส
น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ การทำงานของมิจฉาชีพที่จะมาหลอกลวงเหยื่อผ่านสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียต่างๆ มีความหลากหลายและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหยื่ออาจจะได้รับข้อความส่งมาทาง Messenger เพื่อขอเป็นเพื่อนและขอเป็นคนรัก มีการเชิญชวนให้ร่วมลงทุนเพื่อวางแผนอนาคตร่วมกัน ซึ่งมิจฉาชีพอาจจะหลอกให้โอนเงินไปยังปลายทางและหลอกว่าเป็นเงินเก็บร่วมกัน ขอให้อย่าหลงเชื่อ เนื่องจากจะทำให้เสียทรัพย์สินได้
นอกจากนี้ หากมิจฉาชีพมีการเชิญชวนให้โหลดแอปพลิเคชัน และเล่นเกมผ่านเว็บไซต์ รวมถึงคนที่ต้องการซื้อช่อดอกไม้จากร้านค้าออนไลน์ที่มิจฉาชีพแปลงตัวเป็นร้านขายดอกไม้ออนไลน์ ขอให้ตรวจสอบแอปพลิเคชันเว็บไซต์ และร้านดอกไม้ที่น่าเชื่อถือ ก่อนที่จะชำระเงินหรือโอนเงินไปปลายทาง เพื่อป้องกันความเสียหายในการชำระเงินไปบัญชีของมิจฉาชีพ
น.ส.นพวรรณ กล่าวต่อว่า ดีอีเอสขอให้ประชาชนทบทวนและระวังบุคคลแปลกหน้าที่ขอเข้ามาเป็นเพื่อนหรือคนรัก มิจฉาชีพอาจจะขอข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียไปแสวงผลประโยชน์ มีการถอนเงินจากบัญชีของเหยื่อผ่านออนไลน์ แบงกิ้ง หรือเชิญชวนให้ลงทุนเงินสกุลคริปโต ฃเคอร์เรนซี เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับคนที่เข้าไปหาเพื่อนคุยหรือมองหาคนรักผ่านแอปพลิเคชันจับคู่ ขอให้เข้าใช้แอปพลิเคชันหาคู่อย่างระมัดระวังเพื่อจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการเข้าถึงแอปพลิเคชันปลอม ซึ่งหากพลาดพลั้งโหลดแอปพลิเคชันปลอม นอกจากจะไม่สามารถพบเพื่อนคุยและคนรักผ่านแอปพลิเคชัน แต่อาจจะถูกมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคารไปขายต่อเว็บไซต์ผิดกฎหมายหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่นำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิดได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการกระทำผิดบนสื่อออนไลน์ของมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ดีอีเอสไม่ได้นิ่งนอนใจ กระทรวงมีการเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันการกระทำผิดของมิจฉาชีพผ่านสื่อออนไลน์อย่างเข้มงวด รวมถึงเฝ้าระวังและติดตามกลโกงของสื่อรักผ่านออนไลน์ หรือ Romance Scam ซึ่งเป็นการ หลอกให้รัก เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ โดยหลอกให้โอนเงินหรือทรัพย์สินไปให้ ปัจจุบันมีผู้เสียหายจากการหลอกโอนเงินจำนวนมาก ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า สถิติอาชญากรรมออนไลน์ประจำเดือนมกราคม 2566 จากศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ พบว่าสถิติคดีเกี่ยวกับการหลอกให้รัก มีจำนวนสูงถึง 403 คดี โดยแบ่งเป็นคดีประเภทหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน จำนวน 168 เรื่อง และคดีหลอกลวงให้รักแล้วลงทุน จำนวน 235 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 190 ล้านบาท
ดีอีเอสขอแนะนำให้ประชาชนทำความเข้าใจถึงกลอุบายของมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงมักจะมาด้วยกลอุบาย ดังต่อไปนี้
1.หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล
2.หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมต (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ทโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี
3.หลอกให้รักแล้วแบล็กเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ
4.มิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติจะทำทีมาจีบและให้ความหวังว่าอยากจะมาแต่งงานที่เมืองไทย และส่งทรัพย์สินให้ แต่ต้องชำระเงินค่าภาษีก่อน และขอให้เหยื่อช่วยชำระภาษีให้ก่อน
5.มิจฉาชีพแสดงตัวว่าได้รับมรดกเป็นเงินมหาศาล แต่ต้องชำระภาษีมรดก ขอให้เหยื่อช่วยชำระภาษี
6.ป่วยหนัก แต่ประกันยังเบิกจ่ายไม่ได้
7.ส่งของรางวัลราคาแพงมาให้ แต่ติดอยู่ที่ด่านตรวจ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ขอให้เหยื่อโอนเงินเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมรางวัลก่อน
8.เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่จะมาลงทุน แต่ต้องการให้ร่วมทุนด้วย
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ผ่านสื่อออนไลน์ ประชาชนสามารถสังเกตและจับเท็จมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงได้โดยสังเกตจากการที่มิจฉาชีพมักใช้รูปโปรไฟล์ที่ดูดี มีฐานะ ทักทายด้วยคำหวาน และใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ มิจฉาชีพส่งอีเมลหรือลวงให้ใส่ข้อมูลธนาคาร เมื่อเริ่มรู้สึกสงสัย หรือเริ่มระแคะระคายว่าจะโดนหลอก สามารถป้องกันตัวเองได้ โดย
1.ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของตนเอง หลีกเลี่ยงการเปิดกล้อง หรือพูดคุยเห็นหน้า
2.ตรวจสอบรูปโปรไฟล์ว่านำมาจากที่อื่นหรือไม่
3.ตั้งสติ ใจเย็น หมั่นถามคำถาม
4.หากมีการนัดพบ ควรมีเพื่อนไปด้วย
5.หลีกเลี่ยงการโอนเงินทุกกรณี
6.ระวังตัวอยู่เสมอ เพราะมิจฉาชีพออนไลน์มีทุกที่
อย่างไรก็ตาม หากรู้ตัวว่าได้ตกเป็นเหยื่อแล้ว ควรตั้งสติและจัดการกับปัญหาดังนี้
1.เตรียมเอกสารส่วนตัวและสำเนาบัตรประชาชน
2.เตรียมหลักฐาน เช่น ภาพสนทนาในแอปที่ใช้ รวมถึงรูปโปรไฟล์ของผู้กระทำผิด
3.เตรียมหลักฐานการโอนเงินต่างๆ เช่น สลิป หรือรูปการทำธุรกรรม
4.แจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร.1212 ตลอด 24 ชั่วโมง
5.รีบไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุที่ใกล้ที่สุด หรือโทร.สายด่วน 1710 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
“ดีอีเอสมีความมุ่งมั่นที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้พี่น้องประชาชน และขอแสดงความห่วงใยขอให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทันภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อ หากท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งมิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่างๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร.1212 ตลอด 24 ชั่วโมง” น.ส.นพวรรณ กล่าว