ซัมซุง (Samsung) กำลังจะเปิดตัวแฟลกชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของปีนี้ อย่าง Samsung Galaxy S23 / S23+ และ S23 Ultra ในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนสั่งจองล่วงหน้าทันที
โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการที่ออกมาในเวลานี้ ชี้ให้เห็นว่าลูกค้ากลุ่มแรกจะได้รับเครื่องในวันที่ 16 ก.พ. และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ‘ช้อปดีมีคืน’ เมื่อจองซื้อ และชำระเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 66 ได้อีกด้วย
ส่วนใครที่กำลังตัดสินใจอยากสัมผัสเครื่องจริงของ Galaxy S23 ซีรีส์ หลังเปิดตัวในวันที่ 2 ก.พ. ทาง ซัมซุง มีการจัดงาน ‘Galaxy Experience Spaces’ แบบป็อปอัพที่ Samsung Experience Store เซ็นทรัลเวิลด์ ให้ได้ตัดสินใจกันอีกครั้ง ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการด้วย
ในส่วนของราคาจำหน่าย คาดการณ์กันว่า Galaxy S23 ซีรีส์ จะใกล้เคียงกับในรุ่นของ Galaxy S22 ซีรีส์ โดยในตอนเปิดตัว Galaxy S22 เริ่มต้นที่ 29,900 บาท S22+ เริ่มต้นที่ 34,900 บาท ส่วน S22 Ultra อยู่ที่ 39,900 บาท ซึ่งในช่วงให้สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับการอัปเกรดเพิ่มเติม เช่นจ่ายในราคารุ่นเริ่มที่ 128 GB แต่ได้เครื่อง 256 GB เป็นต้น
เบื้องต้น ข้อมูลของ Galaxy S23 Ultra ที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่เป็นทางการในเวลานี้ จะมีดีไซน์ใกล้เคียงกับ Galaxy S22 Ultra แต่ขอบตัวเครื่องมีความโค้งมากขึ้น ทำให้หน้าจอแบนราบไป โดยยังคงมากับหน้าจอ Infinity-O Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 3088 x 1440 ที่รองรับ Refresh Rate 1-120 Hz รองรับการทำงานร่วมกับปากกา S-Pen เช่นเดิม
Galaxy S23 Ultra จะมีการอัปเดตหลักๆ อยู่ที่กล้องหลักซึ่งก่อนหน้านี้ ซัมซุง ได้เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องความละเอียด 200 ล้านพิกเซลออกมา และจะนำมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วย ช่วยเสริมให้การถ่ายภาพ และวิดีโอสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีมากขึ้น
โดยนอกจากกล้องหลักที่มากับความละเอียด 200 ล้านพิกเซล f/1.7 แล้ว จะมีเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์ใหม่จาก Sony IMX564 เลนส์ซูม 3x 10 ล้านพิกเซล และเลนส์ซูม 10x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลมาด้วย พร้อมกับเปลี่ยนกล้องหน้ามาใช้แบบ Dual Pixel ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำให้ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
ภายในมากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen2 ซึ่งจะนำไปใช้งานกับ Galaxy S23 และ Galaxy S23+ ด้วย ส่วน RAM Galaxy 23 Ultra จะมีทั้งรุ่น RAM 8 GB และ RAM 12 GB ขึ้นอยู่กับความจุเริ่มต้นที่ 256 GB 512 GB และ 1 TB ส่วน Galaxy S23 มีให้เลือกเป็น 128 GB และ 256 GB ขณะที่ S23+ จะเพิ่ม 512 GB เข้ามาด้วย
Galaxy S23 จะมากับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน Galaxy S23+ มากับหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ Refresh Rate 48-120 Hz กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ซูม 3x 10 ล้านพิกเซล และปรับกล้องหน้ามาใช้ 12 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกัน
ตัวเครื่องทุกรุ่นยังมากับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 รองรับการเชื่อมต่อ 5G / WiFi 6E / Bluetooth 5.3 และมี Ultra Wide Band มาให้ใช้งานใน S23+ และ S23 Ultra ด้วย ส่วนแบตเตอรี อยู่ที่ 3900 mAh 4700 mAh และ 5000 mAh ตามลำดับ รองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 45W
หลังจากนี้ คงต้องรอดูถึงความชัดเจนในการเลือกสี และรุ่นย่อยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งไฮไลท์สีใหม่ของปีนี้ในรุ่น S23 Ultra จะมีทั้งสีเขียว และสีชมพู ในขณะที่ S23 และ S23+ จะมีโทนสีเขียว และม่วง ออกมาให้เลือกกันด้วย
