xs
xsm
sm
md
lg

บลูบิคโตแกร่ง เล็งทะลุ 1,000 ล้านบาท ปี 66

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK
บลูบิค (BBIK) ขึ้นแท่นที่ปรึกษาชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเกิน 800 ชีวิต หลังปิดดีลควบรวมกิจการใหญ่ ตุนแบ็กล็อกแน่นกว่า 600 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี คาดผลประกอบการปี 66 โตสุดแกร่งทะลุ 1,000 ล้านบาท

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า การผนึกกำลังระหว่างทีม DX ของบลูบิค และบลูบิค วัลแคน เป็นหนึ่งใน Key Driver สำคัญที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผนงาน ผ่านการขยายบริการไปยังฐานลูกค้าของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งการขยับขึ้นเป็นบริษัทฯ ที่มีจำนวนนักพัฒนาซอฟต์แวร์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นการเปิดประตูสู่การขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดกลางที่มีความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันยังมีจำนวนบริษัทที่ปรึกษาฯ ที่ให้ความสนใจในตลาดนี้ไม่มาก ดังนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จึงเป็นตลาด Blue Ocean ที่น่าสนใจและมีศักยภาพ

“ทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน DX ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จำนวนคนของทีม DX ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการให้บริการในอดีต พร้อมเปิดโอกาสขยายการให้บริการกลุ่มลูกค้าทั้งแนวตั้งและแนวราบได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงเชื่อมั่นว่าการเติบโตนับจากนี้ของบริษัทฯ จะเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง” นายพชรกล่าว

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK มองตัวเองเป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดตัวบริษัท บลูบิค วัลแคน จำกัด เพื่อรองรับหน่วยธุรกิจ Digital Delivery หลังคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้เข้าซื้อหน่วยธุรกิจดังกล่าวจากบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยกระบวนการเข้าซื้อกิจการและการจัดตั้งบริษัท บลูบิค วัลแคน จำกัด จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/66 ซึ่งจะส่งผลให้บุคลากรผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 800 คน

บริษัทมั่นใจว่าการเพิ่มจำนวนบุคลากรผ่านการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องแบบ 360 องศา รวมถึงสามารถสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทฯ ทั้งในและต่างประเทศ โดย ณ สิ้นปี 2565 มีงานแบ็กล็อกรวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท คาดว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการของบลูบิคในปี 2566 เติบโตอย่างแข็งแกร่งทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว

บลูบิคคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากบลูบิค วัลแคน ราว 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้รวมของบลูบิค ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้องค์กร (Digital Excellence & Delivery หรือ DX) ซึ่งเป็นแกนหลักในการสร้างรายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 50% ในปี 2565 เป็น 65% ในปีนี้

ความเชี่ยวชาญของทีมนักพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันของ ‘บลูบิค วัลแคน’ เชื่อว่าจะโดดเด่น 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การจัดการ Application Programming Interface - API Management และการนำระบบขึ้นเพื่อใช้งาน (Deployment Management)

2) ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและแอปพลิเคชันภายใต้มาตรฐาน Software Development Life Cycle - SDLC ได้แก่ Banking Solution, Mobile Application Platform, Line Business Connect, Big Data & Analytics, Automation, Blockchain และ API Gateway

3) การออกแบบเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน/ฟังก์ชันพื้นฐานในการใช้งาน (UX/UI Design) และ 4) การประกันคุณภาพซอฟต์แวร์ (Software Quality Assurance)

"การผสานจุดแข็งด้านบริการที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจรของบลูบิค กับศักยภาพในการให้บริการของบลูบิค วัลแคน ที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรชั้นนำด้านการเงิน กลุ่มธุรกิจการสื่อสาร และกลุ่มพลังงาน จะก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก เช่น Microsoft Salesforce และ Google เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจร่วมกันในอนาคตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดรับกับเทรนด์การทำธุรกิจ เพื่อสนับสนุนและช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านตนเองเป็น Digital First Organization" บลูบิค ระบุ

นายพชร กล่าวทิ้งท้ายว่านอกจากความแข็งแกร่งด้านบริการที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัว บลูบิค เทคโนโลยี เซ็นเตอร์ (เวียดนาม) เพิ่มเติม หลังจัดตั้งบลูบิค เทคโนโลยี เซ็นเตอร์ ที่ประเทศอินเดียไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบ่มเพาะองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีรองรับการขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม รวมถึงการที่บริษัทฯ สามารถใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (BOI) จะช่วยให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จากปัจจัยบวกเหล่านี้จะทำให้บลูบิคสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น