Dyson นำความเชี่ยวชาญในการควบคุมลมจากทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องกรองอากาศ เครื่องดูดฝุ่น และไดร์เป่าผม ต่อยอดทางวิศวกรรมสู่ธุรกิจใหม่อย่างหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน Dyson Zone ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศระดับ PM 1.0 ได้ถึง 99% เตรียมทำตลาดในปี 2566
จุดเริ่มต้นของการออกผลิตภัณฑ์กรองอากาศแบบพกพาได้ของ Dyson มาจากการที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทำให้ Dyson เริ่มหันมาใส่ใจในแง่คุณภาพอากาศโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ทั่วโลก
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Dyson ได้รวบรวมข้อมูลจากทั้งกระเป๋าเก็บสภาพอากาศที่นำไปใช้งานใน 14 ประเทศ รวมถึงเครื่องกรองอากาศกว่า 1,576,658 เครื่อง ในแต่ละบ้านทั่วโลก ทำให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และถึงเวลาที่ต้องพัฒนาอุปกรณ์ที่จะมาช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น
ทีมวิศวกร Dyson เล่าให้ฟังว่า ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สักชิ้นใน Dyson จะเริ่มต้นจากการใช้งานพื้นฐานอย่างที่ผ่านมา Dyson ให้ความสำคัญกับการพัฒนามอเตอร์เครื่องดูดฝุ่นจนพัฒนาออกมาเป็นมอเตอร์ความแรงสูงที่สามารถควบคุมทิศทางลม (Air Flow) ได้อย่างแม่นยำ จนต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ขณะเดียวกัน จากการสำรวจสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมาพบว่าในพื้นที่กว่า 30% กำลังเผชิญหน้ากับสภาพอากาศที่ไม่ได้ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการนำความเชี่ยวชาญในแง่ของ Air Flow มาต่อยอดสู่การทำผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงที่สามารถกรองอากาศได้
“ด้วยการที่กลุ่มเป้าหมายของ Dyson ในปัจจุบันคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่รักความสวยความงาม ซึ่งการที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยขยายฐานลูกค้าของ Dyson ให้กว้างขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ และต้องการอุปกรณ์สวมใส่อย่างหูฟังไร้สายไปใช้งานในชีวิตประจำวัน”
สำหรับ Dyson Zone ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษในตัวเมือง ทำให้เบื้องต้นจะเข้าไปทำตลาดในเมืองที่มีปัญหาสภาพอากาศก่อนอย่างในประเทศจีน ก่อนทยอยขายในสหรัฐฯ อังกฤษ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ในราคา 949 เหรียญสหรัฐ หรือราว 33,000 บาท ซึ่งในแผนตอนนี้ยังไม่รวมประเทศไทย
ความสามารถของ Dyson Zone ในแง่ของการเป็นหูฟังนั้นถูกปรับแต่งมาให้เป็นหูฟังคุณภาพสูงด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้อย่างไดรเวอร์ขนาด 40 มม. 16 โอห์ม ที่ให้เสียงสมจริงในย่านความถี่ตั้งแต่ 6 Hz - 21kHz มีการปรับตั้งค่า EQ ที่เป็นเอกลักษณ์ และใช้มาตรวัดทางวิทยาศาสตร์มาช่วย รวมถึงในแง่ของการสวมใส่ที่สบายจากการออกแบบที่โดดเด่นของทาง Dyson
ขณะที่ในมุมของการตัดเสียงรบกวน Dyson Zone มากับระบบตัดเสียงแบบ Active Noise Cancelling ที่ใช้ไมโครโฟน 8 จาก 11 ตัวทำงานร่วมกันเพื่อวัดเสียงจากทั้งบรรยากาศภายนอก และเสียงที่ได้ยินในหูฟัง ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 38 เดซิเบล ในช่วง 20Hz ถึง 20kHz
นอกจากนี้ ตัวหูฟังยังรองรับการชาร์จแบบ USB-C โดยสามารถใช้งานเป็นหูฟังได้นาน 50 ชั่วโมง และอยู่ระหว่าง 1.5-6 ชั่วโมง สำหรับการเปิดโหมดกรองอากาศตามระดับความแรง และใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มที่ 3 ชั่วโมง