วีเอ็มแวร์ (VMware) ยกทัพเครื่องมือใหม่ VMware Aria, vSphere 8 และ vSAN 8 พร้อมลุยอัปเดตพอร์ตโฟลิโอตระกูล Tanzu เผยดีมานด์ใช้คลาวด์ในไทยมีมากเพราะธุรกิจต้องปรับมาให้บริการดิจิทัลเซอร์วิสต่อเนื่อง วางเป้าหมายช่วยลูกค้าไทยทั้งสถาบันการเงิน องค์กรรัฐ กลุ่มโทรคมนาคม และธุรกิจทุกขนาดสามารถทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้เร็วและสำเร็จมากที่สุด มั่นใจพิษการเมือง-เศรษฐกิจผันผวนไม่กระทบตลาดคลาวด์ไทยปีหน้า
นายเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวระหว่างร่วมงาน VMware Explore 2022 ว่า นโยบายหลักที่บริษัทวางไว้ในปีนี้จะยังคงเน้นที่ “คลาวด์เฟิร์ส” ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญกับระบบคลาวด์คอมพิวติ้งก่อนเป็นอันดับแรกมานานหลายปี แต่ในปีนี้ บริษัทมีการปรับให้เครื่องมือใหม่สามารถรองรับคลาวด์ที่หลากหลาย ร่วมกับการขยายความสามารถของระบบให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ VMware ทำคือการสร้างเป็นกลยุทธ์ Cloud Smart Strategy เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยปรับระบบขององค์กรให้ทันสมัยขึ้นใน 3 ด้านคือด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านประสบการณ์ โดยล่าสุด VMware ได้ประกาศเครื่องมือใหม่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ทั้ง 3 ด้าน โดยเฉพาะในด้านโครงข่ายอินฟราสตรักเจอร์ นั่นคือ vSphere 8 ที่เน้นช่วยให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น เพื่อให้คลาวด์เปิดทางให้ผู้พัฒนาแอปสามารถทำงานได้เร็วขึ้น จะมาพร้อมกับระบบ Kubernetes ใหม่ที่จะใช้ทรัพยากรน้อยลง ส่งผลให้ทำงานเร็วขึ้นอีก”
***ยกระดับประสบการณ์มัลติคลาวด์ ใช้ง่ายขึ้น
vSphere 8 เป็นเพียง 1 ในหลายเครื่องมือใหม่ที่ถูกเปิดตัวในงาน VMware Explore ที่ซาน ฟรานซิสโก โดยนายรากู รากูราม ซีอีโอของ VMware กล่าวบนเวทีว่า ทั้งบริษัทที่เพิ่งมาเกิดและเติบโตในคลาวด์ หรือบริษัทที่เชี่ยวชาญกับคลาวด์และได้รับการยอมรับมานานแล้ว ทุกรายล้วนมีเป้าหมายสูงสุดคือการมีระบบมัลติคลาวด์ที่ช่วยให้สามารถเร่งการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดขับเคลื่อนให้ VMware ร่วมกับพาร์ตเนอร์ เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ด้วยแนวทาง Cloud-Smart
หลักการของ Cloud-Smart คือเมื่อธุรกิจเพิ่มจำนวนคลาวด์เพื่อดำเนินธุรกิจ ทุกรายย่อมเผชิญกับความซับซ้อนในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเครื่องมืออย่าง VMware Cross-Cloud ซึ่งเป็นบริการแบบ unified service จึงช่วยให้ผู้ใช้สร้างเข้าถึง และรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่ใช้งานบนอุปกรณ์ได้กับทุกแอปแพลตฟอร์ม และรองรับการทำงานจากทุกที่
ด้วยกลยุทธ์นี้ VMware จึงเปิดตัวโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และเอดจ์ ที่ช่วยให้ธุรกิจเร่งการทรานส์ฟอร์มคลาวด์องค์กร และช่วยให้ลูกค้าสามารถรัน ปรับขนาด และรักษาความปลอดภัยเวิร์กโหลดขององค์กรได้ดียิ่งขึ้นทั้งบนไพรเวทคลาวด์ พับบลิกคลาวด์และที่เอดจ์ โซลูชันที่เปิดตัวในงานได้แก่ VMware vSphere 8 ซึ่งถูกการันตีว่าเป็นก้าวใหม่ของการประมวลผลที่รองรับ DPU (Data Processing Units) ควบคู่ไปกับ CPU และ GPU ทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและทุกองค์กรสามารถใช้งานได้
นอกจาก vSphere 8 ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้เวิร์กโหลดของลูกค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและประสิทธิภาพด้านไอที เร่งนวัตกรรมสำหรับ DevOps และอื่นๆ บริษัทยังเปิดตัว VMware vSAN 8 ที่นำเสนอประสิทธิภาพที่ล้ำหน้าและคุณภาพสูง เพราะเป็นแพลตฟอร์มสตอเรจแห่งอนาคตที่ปรับให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ โดยสถาปัตยกรรมการจัดเก็บข้อมูล vSAN Express ใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดเก็บข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการจัดการ vSAN ที่ทำงานบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรุ่นล่าสุด
ขณะเดียวกัน VMware Cloud Foundation+ จะเป็นอีกเครื่องมือที่เปิดตัวสถาปัตยกรรมที่เชื่อมต่อกับคลาวด์สำหรับการจัดการและใช้งาน HCI แบบ full stack ในดาต้าเซ็นเตอร์ ยังมี VMware Edge Compute Stack 2 เครื่องมือที่จะช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายและปรับขนาดที่เอดจ์ได้ รวมถึงรองรับขนาดคลัสเตอร์ที่เล็กลงเพื่อเรียกใช้คอนเทนเนอร์อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ COTS ที่มีขนาดเล็กลง
สำหรับโปรเจกต์ VMware ได้เปิดตัว Project Northstar ซึ่งเป็นการพรีวิวความก้าวหน้าครั้งสำคัญของแพลตฟอร์ม VMware NSX สำหรับเครือข่ายมัลติคลาวด์ ความปลอดภัย และการมองเห็นแบบ end-to-end รวมถึงโปรเจกต์ Project Watch ที่เป็นแนวทางใหม่ของเครือข่ายมัลติคลาวด์และการรักษาความปลอดภัยที่จะให้การควบคุมนโยบายแอปไปยังแอปขั้นสูงเพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยงและการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างต่อเนื่อง
ในอีกด้าน VMware ไฮไลต์เรื่องความสามารถในการปรับขยายระบบปฏิบัติการของแพลตฟอร์ม Cloud Native โดยย้ำว่า VMware ยังคงช่วยลูกค้ารักษาความปลอดภัย รัน และจัดการแอปบนคลาวด์ทั้งหมด ความสามารถใหม่ในพอร์ตโฟลิโอ VMware Tanzu ปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา ส่งมอบการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end ตั้งแต่เริ่มจนเข้าสู่กระบวนการทำงาน และเปิดใช้งานการทำงานแบบมัลติคลาวด์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นครอบคลุมคลาวด์ทุกขนาด ไม่ว่าองค์กรจะอยู่ที่ใดในเส้นทางของ Kubernetes
***Aria ไม่ได้อ่านว่าอะไรอะ
นอกจากนี้ VMware ยังเปิดตัวพอร์ตโฟลิโอการจัดการมัลติคลาวด์ตัวล่าสุด VMware Aria (อาริอา) ซึ่งเป็นชุดโซลูชันแบบ end-to-end สำหรับการจัดการแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์เนทีฟ ข้อเสนอใหม่นี้จะช่วยลูกค้าจัดการต้นทุน ขณะที่สามารถทำงาน กำหนดค่า และส่งมอบไพรเวทคลาวด์และพับบลิกคลาวด์สาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ Aria คือการเป็นระบบจัดการมัลติคลาวด์ซึ่งรองรับการทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ในทุกเวิร์กเพลส ภาพรวมของเทคโนโลยีคือการใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่อง (machine learning) และปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยให้การดูแลอุปกรณ์ที่ใช้ work from home ทำได้ง่าย
“เป้าหมายของ VMware ในการประกาศครั้งนี้ คือการช่วยให้ลูกค้าไทยสามารถทำ transformation ได้เร็วและสำเร็จมากที่สุด ปัจจุบัน VMware มีกลุ่มลูกค้าทั้งในกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน ภาครัฐ รวมถึงบริษัทโทรคมนาคม ที่ผ่านมา ทุกรายให้บริการดิจิทัลแก่ลูกค้ามากขึ้น เครื่องมือใหม่ของ VMware จึงช่วยทำให้รองรับได้ทุกคลาวด์และจัดการงานได้ง่ายขึ้น” เอกภาวิน กล่าว
“สำหรับปีนี้ VMware เชื่อว่าจะทำให้การบริหารคลาวด์เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด โดยจะจัดการกับความซับซ้อนได้มากที่สุด ให้ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น”
สำหรับความท้าทายในการทำตลาดไทย VMware มองว่าตลาดไทยยังมีโอกาสเสมอในเรื่องการทำดิจิทัลเซอร์วิส เนื่องจากการระบาดที่มีผลกระทบต่อหลายธุรกิจมาแล้วนั้น แต่พิสูจน์ได้ว่ายังคงมีดิจิทัลเซอร์วิสใหม่ออกมา เนื่องจากมีความต้องการเกิดขึ้นในตลาดอย่างชัดเจน
“นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีการใช้ digital service เป็นทางช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ธนาคารใช้ดิจิทัลเซอร์วิสในการให้บริการ ดังนั้นเชื่อว่าโอกาสจะยังมีในตลาดไทย เพราะมีความต้องการเข้มข้น แต่ความท้าทายที่เห็นคือจำนวนของนักพัฒนาไทยที่ไม่เพียงพอ จุดนี้ VMware เชื่อว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นโอกาส ที่จะทำให้ VMware สามารถทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”