ไทยจัดประชุม ‘สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ 13’ ยกระดับการให้บริการไปรษณีย์ระหว่าง 32 ประเทศสมาชิก ให้รองรับอีคอมเมิร์ซ การเปิดให้บริการไปรษณีย์ขาออกระหว่างประเทศไทย-ลาว การปรับปรุงการนำจ่ายบริการติดตามสถานะสิ่งของ หรือ Tracked Service
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพิ่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การจัดการประชุมใหญ่ “สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ 13 หรือ 13th APPU Congress” ในช่วงวันที่ 29 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน 2565 นับเป็นการประชุมองค์กรสูงสุดของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asian-Pacific Postal Union - APPU) ที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี เพื่อพิจารณา แก้ไขบทบัญญัติของสหภาพฯ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของสหภาพสากลไปรษณีย์ หรือ Universal Postal Union - UPU และยกระดับการให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศสมาชิก สอดรับกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคม
“สำหรับการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ในการทำหน้าที่ประธาน สภาบริหาร ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งสภาฯ จะมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์การให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ รวมถึงวางระเบียบการบริหารงานของสหภาพฯ อีกทั้งยังทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการแสดงความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังสามารถผลักดันแผนงานต่างๆ เพื่อพัฒนากิจการไปรษณีย์ของไทยและของ 32 ประเทศสมาชิก”
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ในช่วงหลังการคลี่คลายของโรคระบาดโควิด-19 การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และวิถีสังคมที่เปลี่ยนแปลงมีความจำเป็นอย่างมากที่ประเทศสมาชิกต้องมีการทบทวนแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมสร้างแนวปฏิบัติให้สามารถเอื้อประโยชน์ระหว่างกันได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้จึงมีวาระที่สำคัญของไปรษณีย์ไทย และระหว่างประเทศสมาชิก ทั้งการหารือทวิภาคีกับการไปรษณีย์อิหร่าน และการแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อคิดเห็นในการพัฒนาบริการไปรษณีย์เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ การออกตราไปรษณียากรร่วมกัน รวมทั้งการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศระหว่างกันเพิ่มขึ้น
การหารือทวิภาคี และการลงนามในเอกสาร Side Letter กับการไปรษณีย์ลาวเพื่อเปิดให้บริการไปรษณีย์ขาออกระหว่างประเทศ หรือ ePacket ระหว่างไทยและ สปป.ลาว ซึ่งเป็นบริการที่รองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามแดน สำหรับการส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีการหารือในการนำผลิตภัณฑ์ของ สปป.ลาว ที่เป็นที่นิยมมาจำหน่ายบนเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และขนส่งผ่านบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศระหว่างกันด้วย
การลงนามความร่วมมือสำหรับการไปรษณีย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เข้าร่วมโครงการนำร่องในการปรับปรุงการนำจ่ายบริการติดตามสถานะสิ่งของ หรือ Tracked Service ซึ่งประเทศที่ลงนามประกอบด้วยการไปรษณีย์ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน ฟิจิ อินเดีย มัลดีฟส์ นาอูรู มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ หมู่เกาะโซโลมอน และศรีลังกา