xs
xsm
sm
md
lg

Samsung ดึงจุดแข็ง 'จอพับ' พัฒนา Galaxy Z Fold4 / Flip4 จับกลุ่มแมส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเดินหน้าผลักดันสมาร์ทโฟนจอพับให้กลายเป็น ‘กระแสหลัก’ (Mainstream) ยังคงเป็นเป้าหมายที่ต่อเนื่องของซัมซุง (Samsung) ในการเปิดตัวมือถือจอพับรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy Z Fold4 และ Galaxy Z Flip4 ที่ในรอบนี้ภาพรวมเน้นเสริมเรื่องประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิม

สถิติที่น่าสนใจสำหรับยอดขายสมาร์ทโฟนจอพับของซัมซุงในประเทศไทยปีที่ผ่านมาคือ มียอดขายเติบโตถึง 6 เท่า และส่งให้ประเทศไทยสามารถทำยอดได้ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ออกมาให้ข้อมูลว่าในปีช่วงที่ผ่านมา ซัมซุงส่งมอบสมาร์ทโฟนจอพับไปเกือบ 10 ล้านเครื่องทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 3 เท่าพร้อมกับคาดหวังว่าอัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟนจอพับจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่มือถือจอพับเริ่มแพร่หลาย และมีสัดส่วนในตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมเพิ่มมากขึ้น

สอดคล้องกับผลสำรวจของบริษัทวิจัย Omida ที่พบว่าในปี 2021 ตลาดสมาร์ทโฟนจอพับนั้นเติบโตถึง 309% และเป็นซัมซุงที่ครองตลาดมากกว่า 88% ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Samsung Galaxy Z Flip3 ที่กินส่วนแบ่งเกินครึ่งของตลาดสมาร์ทโฟนจบพับทั้งหมด


จุดสำคัญที่ทำให้ Galaxy Z Flip3 ได้รับความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมาคือการตั้งระดับราคาที่ไม่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนในระดับแฟลกชิป ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนจอพับได้ง่ายขึ้น ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้งาน Galaxy Z Fold3 มีสัดส่วนราว 27% ของตลาดเท่านั้น

*** 3 จุดที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจอพับติดใจ


ซัมซุง ยังเปิดเผยถึงพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับที่น่าสนใจ ทั้งในกลุ่มของ Samsung Galaxy Z Fold ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากการที่ตัวเครื่องมีขนาดหน้าจอใหญ่เมื่อกางออกมาใช้งาน ประกอบกับการพัฒนาอินเทอร์เฟสให้รองรับการทำงานแบบหลายหน้าต่างพร้อมกัน ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

ที่เสริมเข้ามาในรุ่นของ Galaxy Z Fold3 ก็คือเรื่องของการที่หน้าจอรองรับการใช้งานคู่กับปากกา S Pen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถขีดเขียน คอมเมนต์งานกันได้บนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวไม่ต้องพกพาแท็บเล็ตไปใช้งานอีกเครื่อง และในเรื่องของการกันน้ำมาตรฐาน IPX8 ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องจะไม่มีปัญหาจากการตกน้ำเนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ

โดยที่ผ่านมา กลุ่มผู้ใช้งานของ Galaxy Z Fold จะอยู่ในช่วงอายุ 35-44 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่นิยมนำไปใช้สำหรับการเพิ่มโปรดักทิวิตีในการใช้งานอย่างการเทรดหุ้นหรือคริปโตฯ จนถึงระดับผู้บริโภคที่ต้องการหน้าจอใหญ่ๆ เพื่อดูข้อมูล

ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้งาน Galaxy Z Flip จะชื่นชอบจากดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยงาม เปิดให้เลือกแต่งสีสันได้ตามแฟชั่น ซึ่งจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วกลุ่มผู้ใช้งานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่ชื่นชอบความเป็นแฟชั่น มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งกลุ่มผู้ใช้ของ Galaxy Z Flip จะอยู่ที่อายุ 25-34 ปี

ตามมาด้วยในส่วนของหน้าจอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) ที่ถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตอน Galaxy Z Flip3 รวมถึงการพัฒนาข้อพับให้สามารถกางได้ตามองศาที่ต้องการจนสามารถใช้ส่วนล่างของหน้าจอแทนขาตั้งกล้อง ทำให้สามารถถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอได้ทุกที่ทุกเวลา

*** Z Fold4 - Z Flip4 พัฒนาตรงจุดความต้องการลูกค้า


พอมาเป็นในรุ่นใหม่ที่เปิดตัวมาปีนี้ แม้ว่าในภาพรวมของดีไซน์ตัวเครื่องจะมีความใกล้เคียงเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบเมเจอร์เชนจ์ แต่เมื่อมองถึงรายละเอียดที่ปรับขึ้นมา นับว่าซัมซุง เน้นที่การตอบสนองกับฟีดแบ็กของลูกค้าได้อย่างน่าสนใจ

ตัวเครื่องของทั้ง Galaxy Z Fold4 และ Galaxy Z Flip4 จะให้ขนาดหน้าจอเท่าเดิมโดย Fold4 จะมากับจอภายนอก 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ และจอแสดงผลภายในที่กางออกมาเป็นขนาด7.6 นิ้ว ความละเอียด QXGA+ ที่ให้อัตราการแสดงผลแบบ 120 Hz ขณะที่ Flip4 หน้าจอที่ฝาพับขนาด 1.9 นิ้ว และเมื่อกางออกมาจะได้จอ 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 120 Hz

น้ำหนักของ Fold4 จะเบาลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 263 กรัม จากรุ่นก่อนหน้าอยู่ที่ 271 กรัม และขนาดตัวเครื่องจะสั้นลงเล็กน้อย เพื่อให้เมื่อกางออกมาได้จอแสดงผลในแนวนอนที่กว้างขึ้น เมื่อรวมกับดีไซน์ของขอบเครื่องที่เปลี่ยนเป็นเหลี่ยมๆ ทำให้เวลาถือจับใช้งานได้สะดวกขึ้น


ขณะที่ Galaxy Z Flip4 จะเน้นการเพิ่มแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และรองรับการชาร์จเร็วเป็น 25W จากรุ่นก่อนหน้านี้ที่รองรับเพียง 15W เท่านั้น พร้อมกับสีใหม่ที่เปิดตัวมา และมีเวอร์ชันที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งสีด้วยตัวเอง จาก 5 โทนสีใหม่ พร้อมกับ 3 สีเฟรม ผสมผสานออกมาได้ถึง 75 รูปแบบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีสีสันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

จุดหลักที่ซัมซุงมีการปรับปรุงขึ้นในทั้ง 2 รุ่นคือรูปแบบการใช้งานภายในอย่างใน Galaxy Z Fold4 จะปรับปรุงให้มีทาสก์บาร์ด้านล่าง เพื่อให้เวลากางหน้าจอใช้งานสามารถเรียกประสิทธิภาพของการใช้งานแบบ Multi-Tasking ออกมาได้มากขึ้น ในการสลับแอปไปมา รวมถึงการทำงานแบบหลายหน้าจอพร้อมกันที่เพิ่มความยืดหยุ่นขึ้นใน Android 12L เวอร์ชันใหม่ รวมถึงจุดเด่นอย่างการทำงานร่วมกับปากกา S Pen

ส่วน Galaxy Z Flip4 จะเน้นปรับปรุงเรื่องของการใช้ประโยชน์ของจอแสดงผลภายนอกให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่รองรับเวลาถ่ายภาพเฉพาะเซลฟี่ แต่ในรุ่นใหม่นี้สามารถใช้ถ่ายทั้งภาพนิ่ง ภาพบุคคล วิดีโอ และแสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้แล้ว รวมถึงปรับให้สามารถดูการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ละเอียดมากขึ้น และเปิดให้สามารถตอบกลับข้อความแบบเร็วๆ และตั้งค่าลัดต่างๆ ได้


ทั้ง 2 รุ่นทำงานบนชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen1 บนสถาปัตยกรรมแบบ 4 นาโนเมตร ที่นับเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกที่ใช้ชิปดังกล่าว ซึ่งนอกจากช่วยในเรื่องของการประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น ยังช่วยเรื่องของแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย

*** สภาพเศรษฐกิจ-เปิดประเทศ กระทบตลาดสมาร์ทโฟน


อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และการเปิดประเทศ นับเป็นปัจจัยลบที่เกิดขึ้นกับตลาดสมาร์ทโฟนที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากผู้บริโภคจะเกิดความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น เมื่อรวมกับการเปิดประเทศให้สามารถเดินทางได้ แนวโน้มในการใช้จ่ายจะไปอยู่ที่การเดินทาง และการซื้อบริการต่างๆ มากกว่าการเลือกเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่

‘สิทธิโชค นพชินบุตร’ รองประธานองค์กร คุมธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ให้ข้อมูลถึงตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงที่ผ่านมาว่า อยู่ในช่วงที่มีความท้าทายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยหันมาใช้จ่ายกับสินค้าต่างๆ ยากขึ้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาซัมซุงจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่มูลค่าโดยรวมลดลง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นกับซัมซุงเท่านั้น แต่เป็นทั้งตลาดสมาร์ทโฟน

‘การเปิดประเทศถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะในกลุ่มแฟลกชิปมีความท้าทายมากขึ้น เพราะถ้าสังเกตในปีที่ผ่านมาที่ยังปิดประเทศอยู่ ผู้คนไม่ได้เดินทางเลยมีงบประมาณที่จะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้งาน แต่ถ้ามีการเปิดประเทศผู้คนเริ่มมีการเดินทางท่องเที่ยวหลังจากที่ไม่ได้เที่ยวมาระยะหนึ่ง งบประมาณจะถูกใช้ไปกับสิ่งเหล่านั้นมากกว่า’

เบื้องต้น คาดว่าระยะเวลาการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่จะยืดออกไปอีกราว 4 เดือน จากช่วงที่ผ่านมาอยู่ราว 18 เดือน ทำให้เชื่อว่าการทำตลาดของสมาร์ทโฟนจอพับในปีนี้จะไม่ง่ายเหมือนในช่วงปีที่ผ่านมา ที่ซัมซุงสามารถกวาดยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ

*** ราคาปรับขึ้นเล็กน้อยตามค่าเงิน


ขณะเดียวกัน ด้วยการที่เงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ราคาสินค้ามีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยใน Samsung Galaxy Z Flip4 เปิดราคาจำหน่ายมาที่ 35,900 บาท เพิ่มขึ้นจาก Flip3 ที่เปิดราคามา 34,900 บาท ส่วน Galaxy Z Fold4 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 59,900 บาท เพิ่มขึ้นจาก Fold3 ที่ 57,900 บาท

สิ่งที่เกิดขึ้นคือแม้ว่าแบรนด์จะมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงรายรับที่ได้ก็มีโอกาสที่จะลดลงเนื่องจากการผันผวนของค่าเงินที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นว่า จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ต้องมีการปรับให้สูงขึ้นเพื่อให้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อดูจากเป้าหมายของซัมซุงในการผลักดันให้สมาร์ทโฟนจอพับกลายเป็นเมนสตรีมของตลาดนั้น ทางผู้บริหารซัมซุงประเมินว่าจะเกิดขึ้นได้ เมื่อปริมาณความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นจนทำให้สามารถควบคุมต้นทุนในการผลิตให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อราคาจำหน่าย ซึ่งถ้าในอนาคตสามารถทำราคาได้ต่ำกว่า 30,000 บาทเมื่อไหร่ ตลาดสมาร์ทโฟนจอพับจะใหญ่ขึ้นแบบก้าวกระโดดแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น