xs
xsm
sm
md
lg

AIS ร่วมตำรวจไซเบอร์ บุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 8 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอไอเอส สานต่อการทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ หลังเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน 1185 Spam Report Center ก่อนประสานตำรวจเข้าจับกุม ยืนยันปกป้องลูกค้า และประชาชนจากมิจฉาชีพ

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า จากกรณีปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน ที่สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล

เอไอเอส ได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ อย่าง กสทช. และฝ่ายความมั่นคง อย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ผ่านบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา

“การที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถจับกุมมิจฉาชีพแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นผลจากการร่วมทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเอไอเอสยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมทำงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพที่จะถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า จากการทำงานร่วมกับ AIS ทำให้กระบวนการทำงานของเราสามารถมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น

โดยพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าผู้เสียหายมีใบสั่งค้างชำระค่าปรับจราจร แจ้งว่าส่งพัสดุที่ผิดกฎหมาย ต้องทำการโอนเงินไปชำระ หรือต้องโอนเงินไปตรวจสอบแล้วแต่กรณี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปให้มิจฉาชีพ

ก่อนมาทราบว่าถูกหลอกลวงจึงดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ Thaipoliceonline.com และได้ทำการร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center อีกส่วนหนึ่ง จากการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์พบว่า กรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงเชื่อมกันกับผู้เสียหายอีกหลายราย เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวมถึงประสานงานกับฝ่ายเทคนิคผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้หาเบาะแสเพิ่มเติม กระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิด และสถานที่ที่ใช้ในการกระทำความผิด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ตามหมายค้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 8 จุด ในพื้นที่เขตบางนา ห้วยขวาง และลาดพร้าว

ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมนายสุรชาติ แซ่โจ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ยังพบผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย ตรวจยึดของกลางเครื่องสัญญาณ IP PBX จำนวน 43 เครื่อง เครื่องส่งญาณไร้สาย wireless router จำนวน 30 เครื่อง และของกลางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ เช่น สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ โดยได้นำตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.สอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบสวนขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center คือบริการสายด่วน  รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าเอไอเอส ในกรณีถูกมิจฉาชีพโทร.เข้ามารบกวน หรือได้รับ SMS Spam ให้สามารถโทร.เข้ามาแจ้งได้ฟรี ผ่าน IVR Self Service และ AI Chatbot เพื่อให้ข้อมูลเบอร์โทร.หรือ SMS ที่คาดว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเอไอเอสจะดำเนินการตรวจสอบถึงที่มา รายละเอียดการจดแจ้งลงทะเบียน รูปแบบการโทร.ของเบอร์ดังกล่าว ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าเป็นเบอร์ หรือ SMS ของกลุ่มมิจฉาชีพหรือไม่ หลังจากนั้นจะดำเนินการบล็อกเบอร์และ SMS นั้นๆ โดยทันที พร้อมแจ้งกลับไปยังลูกค้าภายใน 72 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  (บช.สอท.) และ AIS ยังคงมุ่งมั่น ร่วมมือทำงานร่วมกัน ดำเนินการเชิงรุก บังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และการอำนวยความยุติธรรมของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น