NT แจ้งเตือนกลลวงวิถีใหม่อ้างเจ้าหน้าที่รัฐแจ้งตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หวังข้อมูลส่วนตัวลูกค้า วอนประชาชนอย่าหลงเชื่อ พร้อมเปิดช่องทางสายด่วน 0-2401-2222 ช่วยดำเนินการตรวจสอบ และระงับเลขหมายมิจฉาชีพภายใน 72 ชั่วโมง
น.ส.โชติกา ไพจ์ศรี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาดหนักทั้งช่องทางออนไลน์และการโทร.มาแอบอ้างในลักษณะต่างๆ ล่าสุดได้เปิดกลลวงใหม่ โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ NT แจ้งจะระงับสัญญาณโทรศัพท์ NT จึงขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทไม่มีนโยบายโทร.แจ้งเพื่อตัดสัญญาณโทรศัพท์แต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและห้ามแจ้งข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด ซึ่งกรณีที่ผู้ใช้บริการของ NT เจอมิจฉาชีพหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถโทร.แจ้งได้ที่สายด่วน NT 0-2401-2222 ที่ทาง NT จะดำเนินการตรวจสอบและระงับการโทร.จากหมายเลขต้นทาง พร้อมแจ้งไปยังโครงข่ายประเทศต้นทางให้ระงับหมายเลขของมิจฉาชีพภายใน 72 ชั่วโมง
ในกรณีหมายเลขโทรศัพท์เรียกเข้าที่มีลักษณะผิดปกติเข้าข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีรูปแบบหมายเลขต้นทางไม่ถูกต้อง หรือมีลักษณะการเรียกติดต่อไปยังหมายเลขปลายทางที่ผิดปกติ เช่น หมายเลขที่ไม่มีในระบบ (Unassigned No., Spare Code) หมายเลขที่ไม่มีตัวตน
รวมถึงหมายเลขที่มีการโทร.เข้ามายังหมายเลขปลายทางจำนวนมากในเวลาเดียวกัน และเพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้รัดกุมยิ่งขึ้น NT ได้ปรับรูปแบบหมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศขาเข้าให้มีรูปแบบตามมาตรฐานโทรคมนาคมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU-T) รูปแบบเดียว คือ มีเครื่องหมาย “+” นำหน้าตามด้วยรหัสประเทศ เช่น +381631900756 พร้อมแจ้งให้ประชาชนรับทราบและเฝ้าระวัง
หากมีสายเรียกเข้าที่มีหมายเลขต้นทางขึ้นต้นด้วย + ให้สังเกตหากไม่ได้มีญาติหรือผู้ติดต่อที่อยู่ต่างประเทศให้งดรับสายในทุกกรณี โดยในส่วนของผู้รับสายปลายทางในประเทศเมื่อพบความผิดปกติ หรือสงสัยว่าสายดังกล่าวจะเป็นมิจฉาชีพ สามารถแจ้งมายัง NT Contact Center 1888 NT จะระงับการโทร.จากหมายเลขต้นทางที่มีความผิดปกติและประสานแจ้งไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายในต่างประเทศให้ตรวจสอบและระงับการโทร.ของหมายเลขต้นทางมายังปลายทางในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ประชาชนผู้ใช้บริการที่ถูกหลอกลวงให้แจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
“NT ฝากแนวทางเบื้องต้นในการรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างตัวเป็นหน่วยงานขนส่ง เจ้าหน้าที่ธนาคาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการเปิดบทสนทนาให้เกิดความตกใจ เช่น มีสินค้าตกค้างในระบบ มียอดค้างชำระจากการเปิดใช้งานบัตรเครดิต ทำผิดกฎหมายจราจร จากนั้นจะทำการสอบถามถึงข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประชาชน และอื่นๆ”
ก่อนการดำเนินการใดๆ ประชาชนจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่มิจฉาชีพแอบอ้างก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันเหตุอันนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินในทุกกรณี ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหลายหน่วยงานได้เข้ามาให้ข้อมูล แนวทาง และวิธีป้องกันแก่ประชาชนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งหากภาคประชาชนร่วมสังเกตและโทร.แจ้งถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น คาดว่าจะช่วยสกัดเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ