แซตทีอี (ZTE) เล็งเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนใช้งานสู่ 5G กลับมาบุกตลาดสมาร์ทโฟน พร้อมดึงสัมพันธ์โอเปอเรเตอร์เร่งขยายตลาดในไทย พร้อมจับมือ 2 ดิสทริบิวเตอร์ใหญ่ในไทย VSTECS และ YAS กระจายสมาร์ทโฟนสู่ผู้บริโภค ด้วยเป้าหมายส่วนแบ่งตลาด 5% ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ชอว์น เผย์ ผู้จัดการทั่วไป โทรศัพท์มือถือประจำประเทศไทย แซดทีอี คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า การกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งนี้ เนื่องจากทางแซตทีอีเห็นถึงเทรนด์การใช้งานสมาร์ทโฟน และสินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์ที่เติบโตขึ้น และไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศหลักในภูมิภาคนี้ที่มีทั้งโอกาส และศักยภาพในการเติบโต
“ตลาดประเทศไทยมีความน่าสนใจโดยเฉพาะการที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีอัตราการใช้งานพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสัดส่วนผู้ใช้งานซื้อของออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนที่สูงถึง 70% ทำให้กลายเป็นโอกาสสำคัญในการทำตลาด”
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทยได้เร่งขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สมาร์ทโฟน 5G กลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และมีความจำเป็นในการใช้งาน โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ปัจจุบันในตลาดยังขาดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
“จากความสัมพันธ์ระหว่างโอเปอเรเตอร์ ที่ทาง ZTE มีมาอย่างต่อเนื่องในการขยายโครงข่ายเพื่อให้บริการทั่วประเทศ จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ ZTE เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้”
เบื้องต้น แซตทีอีวางเป้าหมายในการทำตลาดสมาร์ทโฟปีนี้ไว้ที่ 5 แสนเครื่อง และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 3% ในปี 2023 ก่อนเป็น 5% ภายในปี 2024 โดยจะมีการนำเข้าสมาร์ทโฟนมาในทุกระดับราคาทั้งรองรับการใช้งานทั่วไป จนถึงเฉพาะกลุ่มอย่างเกมเมอร์สมาร์ทโฟน
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดของแซตทีอี ในปีนี้ นอกเหนือจากการทำตลาดร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ยังได้มีการขยายดิสทริบิวเตอร์ เพื่อให้ครอบคลุมการทำตลาดแบบ Omni-Channel จากบริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในกลุ่มเบญจจินดา
พร้อมกันนี้ ZTE ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5 รุ่นครอบคลุมตั้งแต่ระดับราคา 2,599-31,990 บาท ประกอบไปด้วย ZTE Blade A31 / A51 / V30vita ZTE Axon 30 5G และ Redmagic 7