เอไอเอส เผยผลประกอบการปี 64 เติบโต 4.9% กำไร 26,922 ล้านบาท โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจองค์กร ในขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงเล็กน้อย ฐานลูกค้ามือถือรวม 44.1 ล้านราย ใช้งาน 5G แล้วกว่า 2.2 ล้านราย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า สถานการณ์ในปี 2564 เป็นอีกหนึ่งปีที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทายอย่างมาก แต่ด้วยการทำงานกับพันธมิตรที่หลากหลาย ทำให้สามารถสร้างการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับผลประกอบการในปี 2564 รายได้รวม อยู่ที่ 181,333 ล้านบาท เติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนกำไรสุทธิ 26,922 ล้านบาท ลดลง 1.9% เทียบกับปีก่อน ในส่วนของต้นทุน AIS ยังลงทุนขยายโครงข่าย 5G/4G อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความเป็นผู้นำ และการเข้ารับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติมในปีนี้ (ใบอนุญาต 700MHz และ 26GHz) ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 4.5 เทียบกับปีก่อน
แต่จากการบริหารต้นทุนที่ดีในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหารที่ลดลง 11% จากปีก่อน ส่งผลให้เอไอเอสมี EBITDA อยู่ที่ 91,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อน อีกทั้ง AIS ยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 4.24 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 19 เมษายน 2565 โดยผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้
โดยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลงเล็กน้อยที่ 0.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 117,244 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ตลอดทั้งปี ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ด้วยการปรับตัวและนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัล ทำให้ในปี 2564 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2.68 ล้านเลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 44.1 ล้านเลขหมาย สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G มีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 2.2 ล้านราย
ในส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ยังสามารถทำผลงานได้ดีมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นการเติบโตเหนืออุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 435,100 ราย ทำให้ AIS Fibre มีลูกค้ารวม 1,772,000 ราย ทะลุเป้าหมาย 1.6 ล้านครัวเรือนที่ตั้งไว้ในปี 2564
ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการยายความร่วมมือกับ Microsoft ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับบริการด้านคลาวด์ (Cloud) พร้อมขยายความร่วมมือและให้บริการ 5G Solutionsในภาคอุตสาหกรรมและโรงงานการผลิต
สุดท้ายในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส เสริมบริการดิจิทัล ด้วยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ อย่าง Disney+ Hotstar ผู้ให้บริการคอนเทนต์บนวีดีโอแพลตฟอร์ม BBC เพิ่ม 2 ช่องพรีเมี่ยมทั้ง BBC World News และ BBC Lifestyle หรือแม้แต่คอนเทนต์กีฬาชั้นนำระดับโลกอย่างโอลิมปิก และการเอาใจแฟนบอลชาวไทยด้วยการคว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาลล่าสุด
“พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นตัวกำหนดทิศทางการเติบโตที่สำคัญของเราในอนาคต ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ ได้สะท้อนให้เราเห็นว่า AIS พร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Telco เพื่อต่อยอดศักยภาพของโครงข่ายสัญญาณที่เรามีในมือ ให้มีประสิทธิภาพพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำให้คนไทยและภาคส่วนต่างๆ”
ทั้งนี้ เอไอเอสได้วางงบประมาณกว่า 30,000-35,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการด้านโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง รองรับโอกาสและการเติบโตในแง่ของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ใช้เป็นจุดแข็งของประเทศในการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุน