เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) ต้นสังกัดสมาร์ทโฟนโนเกีย (Nokia) ประกาศส่ง X ซีรีส์ลุยตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนในไทยเต็มตัวปีนี้ เสริมทัพด้วยแท็บเล็ตจอใหญ่ที่จะขยายฐานจากฟีเจอร์โฟนหลากรุ่น บนจุดขายเรื่องเชื่อถือได้-ใช้งานได้นาน
นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล จำกัด (HMD) เผยว่า ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายในแง่ภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผันผวน ประกอบกับวิถีชีวิตใหม่เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม ด้านการเรียนและการทำงานบนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบออนไลน์ในราคาที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัด ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหา และเลือกสมาร์ทโฟนที่ราคาสบายกระเป๋า ในคุณภาพการใช้งานที่คุ้มค่า ทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการ โนเกียได้เน้นหลักกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ชูจุดเด่นสมาร์ทโฟนคุณภาพตอบโจทย์การใช้งานในราคาคุ้มค่า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ทำให้ในปีที่ผ่านมา โนเกียได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
"การเพิ่มขึ้นนี้เกิดได้จากการเปิดตัว และจำหน่ายฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟนไปกว่า 5 รุ่น โดยเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งตัวแทนขายลงในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 น้อยที่สุด อีกทั้งยังเดินเกมรุกตลาดอีคอมเมิร์ซชั้นนำ พ่วงด้วยแคมเปญโปรโมชันพิเศษ และจับมือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือนำสมาร์ทโฟนเข้าจำหน่ายเฉพาะรุ่นเพื่อเป็นการเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง"
แผนทิศทางดำเนินธุรกิจปี 2565 ที่เน้นต่อยอดความสำเร็จปีที่ผ่านมา ทำให้โนเกียเตรียมเปิดตัวโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง G ซีรีส์ และ C ซีรีส์ นอกจากนี้ ยังมีสมาร์ทโฟน X Series ในโรดแมปเพื่อกรุยทางตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนและ Nokia แท็บเล็ต รุกตลาดในประเทศไทย เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น เน้นตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน
ที่สำคัญ บริษัทยังตั้งเป้าผนึกพันธมิตรธุรกิจลุยขยายช่องทางจำหน่ายบนโมเดิร์นเทรดและตลาดอีคอมเมิร์ซในแคมเปญและโปรโมชันพิเศษ เผยภาพรวมโนเกียปี 2564 หลังปล่อยมือถือทั้งฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนลงตลาดไปแล้วกว่า 12 รุ่น ได้รับการตอบรับจากตลาดประเทศไทยเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายเติบโต 50% พร้อมตั้งเป้าปีนี้โต 100%
รายละเอียดทิศทางการดำเนินธุรกิจของโนเกียในประเทศไทยในปี 2565 สามารถสะท้อนได้ผ่าน 4 แกนสำคัญ ได้แก่ แกนที่ 1 กลยุทธ์การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและหลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้า ด้วยสมาร์ทโฟนในกลุ่ม C และ G ซีรีส์ ลงตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสทดลองใช้ และสัมผัสฟีเจอร์ ฟังก์ชันคุณภาพต่างๆ ที่มาในราคาสมเหตุสมผล สำหรับผู้บริโภคกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ทโฟน และผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับราคาสมเหตุสมผล
แกนที่ 2 คือกลยุทธ์ด้านราคา โนเกียระบุว่าจะทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะมาพร้อมกับราคาเครื่องที่มีทั้งราคาสำหรับกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ทโฟนในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ไปถึงรุ่นที่สเปกสูงสำหรับตลาดสมาร์ทโฟนระดับบน พร้อมกับการเปิดตลาดแท็บเล็ต เพื่อเป็นการให้ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแบรนด์โนเกียเริ่มเป็นที่รู้จักและผู้ใช้งานมีความมั่นใจในคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาจำหน่ายสมาร์ทโฟนโนเกียเฉลี่ย 2,000 บาทต่อเครื่อง ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 ต่อเครื่อง และในปีนี้ตั้งเป้าขยับราคาเฉลี่ยเป็น 6,000 บาทต่อเครื่อง
แกนที่ 3 คือการขยายช่องทางขายที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ตลาดและผู้บริโภค โดยการมองหาพันธมิตรที่ดีมีศักยภาพตรงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 4,000 สาขา เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญในการกระจายสินค้าออกไปให้ผู้บริโภคได้สัมผัสและทดลองใช้ ควบคู่ไปกับการมองหาพันธมิตรธุรกิจเพิ่ม เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และมีแผนเพิ่มช่องทางขายอีคอมเมิร์ซใหม่ๆ ไปพร้อมกับช่องทางอีมาร์เกตเพลสชั้นนำอย่าง Shopee Lazada และ JD Central ซึ่งเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลไลฟ์เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา รวมทั้งยังมีแผนจับมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ วางหน่ายสมาร์ทโฟน Nokia พร้อมแพกเกจราคาพิเศษให้หลากหลายรุ่นยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Nokia ในราคาที่คุ้มค่าได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายแกนที่ 4 การสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์โนเกียให้แข็งแรงในตลาดประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Love it. Trust it. Keep it. เน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค โดยใส่ใจทุกรายละเอียด ผ่านขั้นตอนการผลิต และทดสอบที่ได้มาตรฐาน ทั้งหมดนี้จะผลักดันธุรกิจในปี 2565 โดยบริษัทตั้งเป้าเติบโต 100% ในประเทศไทย