xs
xsm
sm
md
lg

เปิดวาร์ป 5 ปี การ์ทเนอร์เผยโลกไอทีเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ภายใน พ.ศ.2567

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การ์ทเนอร์คาดการณ์เทรนด์ใหญ่กระทบองค์กรไอทีและผู้ใช้ในปี 2565 และอนาคต พบภายในปี พ.ศ.2567 ธุรกิจจะสร้างรายได้จากข้อมูลผู้บริโภคได้ยากขึ้นเพราะพฤติกรรมใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่ทีมในองค์กรถึง 30% จะทำงานกันได้โดยไม่ต้องมีหัวหน้างาน ผลจากการเรียนรู้และกำกับการทำงานด้วยตัวเองหลังเวิร์กฟอร์มโฮมมานาน

แดริล พลัมเมอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า การคาดการณ์อนาคต 5 ปีถัดจากนี้เกิดจากบทเรียนของธุรกิจต่างๆ ที่ผู้บริหารทั้งด้านธุรกิจและด้านไอทีได้เรียนรู้จากการหยุดชะงักและความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายต้องสร้างความยืดหยุ่นในการแข่งขัน

"บทเรียนที่ได้รับจากการระบาดคราวนี้คือความคาดการณ์สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และเตรียมพร้อมเดินหน้าด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายไปพร้อมๆ กัน ผู้นำที่มอบทางเลือกให้ทีมงานเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและวางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที มีความยืดหยุ่นสูงจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

การ์ทเนอร์ ชี้ว่า ความยืดหยุ่น โอกาสและความเสี่ยง ล้วนเป็นองค์ประกอบของการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดี เพียงแต่เวลานี้ปัญหาเหล่านี้ต้องมีการตีความใหม่ ดังนั้น การคาดการณ์ในปีนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการสร้างความยืดหยุ่นด้วยวิธีที่ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ ตั้งแต่ทักษะการทำงานไปจนถึงโมดูลทางธุรกิจ ขณะที่ต้องมองโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องมีการตระหนักถึงความเร่งด่วนมากกว่าที่เคยเป็น

พฤติกรรมใหม่ หัวหน้างานไม่ต้อง ลดเก็บข้อมูล

ภายในปี พ.ศ.2567 การ์ทเนอร์เชื่อว่าผู้บริโภคราว 40% จะมีพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาที่ถูกติดตามหรือรวบรวมไว้ลดบทบาทลง ซึ่งทำให้ธุรกิจสร้างรายได้จากข้อมูลเหล่านั้นได้ยากขึ้น

การ์ทเนอร์อธิบายว่า ผู้บริโภคตระหนักมากขึ้นว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีมูลค่ามหาศาล ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงกำลังหาวิธีป้องกันการติดตามข้อมูลและพฤติกรรมส่วนตัว


นอกจากนี้ ภายในปี พ.ศ.2567 ทีมในองค์กรถึง 30% จะทำงานกันได้โดยไม่ต้องมีหัวหน้างาน อันเป็นผลจากการเรียนรู้และกำกับการทำงานด้วยตัวเอง รวมถึงความคุ้นเคยกับธรรมชาติของการทำงานแบบไฮบริด เนื่องจากการระบาดใหญ่ทำให้รูปแบบการทำงานที่มีความคล่องตัวได้ฝังตัวไปในการดำเนินธุรกิจและยังปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจไปสู่คุณค่าที่แท้จริง รวมถึงเปลี่ยนบทบาทการตัดสินใจจากศูนย์กลางมาเป็นแบบเพียร์ทูเพียร์ ช่วยลดปัญหาคอขวดและประหยัดเวลาท่ามกลางสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด ขณะที่การทำงานแบบสลับเข้าออฟฟิศและทำงานจากที่บ้านยังดำเนินต่อไป นั่นส่งผลให้บทบาทของผู้จัดการในแบบเดิมๆ ถูกถอดออกไปซึ่งสามารถเป็นแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในทางปฏิบัติงานได้ยิ่งขึ้น

“บทบาทผู้จัดการในฐานะผู้บังคับบัญชาและผู้ควบคุมงานเป็นอุปสรรคสำคัญในยุคที่ธุรกิจเน้นความคล่องตัวที่ต้องการความเป็นอิสระและการทำงานเป็นทีม เช่น ร่วมวางแผน จัดลำดับความสำคัญของงาน และการทำงานอย่างมีระบบยังต้องมีอยู่ แต่จำเป็นต้องแยก 'การจัดการ' ออกจากบทบาท 'ผู้จัดการ' เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความคล่องตัวและการทำงานแบบไฮบริดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” พลัมเมอร์ กล่าว

ภายในปี พ.ศ.2568 ข้อมูลสังเคราะห์ (หรือ Synthetic Data) จะลดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว (70%) ที่ผ่านมา ข้อมูลสังเคราะห์เหล่านี้สร้างโดยใช้เทคนิคปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลสังเคราะห์สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนข้อมูลจริง ทำให้ลดการรวบรวม ใช้ หรือแบ่งปันข้อมูลที่มีความอ่อนไหวลง สิ่งนี้มีความสำคัญสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวที่มีความสมบูรณ์และมีความเฉพาะในระดับภูมิภาคได้กดดันให้องค์กรหันมาลดความเสี่ยงของการละเมิดความเป็นส่วนตัวและรับรองความยืดหยุ่น

ดังนั้น ใน 5 ปีจากนี้เชื่อว่าจะมีการใช้ข้อมูลสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูงและในปริมาณมาก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำความเข้าใจมนุษย์ในวงกว้าง

โจมตี มีโมเดลใหม่ ลดละเลิก

ภายในปี พ.ศ.2567 การ์ทเนอร์เชื่อว่าการโจมตีทางไซเบอร์จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่กลุ่ม G20 จะโต้ตอบด้วยการโจมตีทางกายภาพ

ในอดีตประเทศต่างๆ มองว่าการโจมตีทางไซเบอร์นั้นเป็นอาชญากรรม ไม่ใช่การทำสงคราม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสูญเสียที่เกิดจากการโจมตีขนาดใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น รัฐบาลบางประเทศกำลังเตรียมการรับมือสงครามไซเบอร์ผ่านหน่วยป้องกันทางไซเบอร์เฉพาะกิจ

การ์ทเนอร์อธิบายว่า อีกไม่นานนี้องค์กรธุรกิจจะต้องรับผิดชอบหลักในด้านการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามองค์กรเหล่านี้ยังไม่เคยเป็นด่านแรกที่ต่อต้านการทำสงครามนี้ ดังนั้น การโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะกระตุ้นให้กองทัพเข้ามามีส่วนรับมือ เพื่อขัดขวางการพุ่งเป้าหมายโจมตีไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

ภายในปี พ.ศ.2567 การประเมินพบว่าผู้บริหารไอที 80% จะเผยให้เห็นการออกแบบธุรกิจในแบบแยกส่วนเป็นโมดูล ผ่านหลักการออกแบบระบบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก 5 ประการ เพื่อเร่งประสิทธิภาพทางธุรกิจ


การ์ทเนอร์ชี้ว่า ตลาดที่ปั่นป่วนอยู่แล้วจะยังอยู่รอดจากโควิด-19 โดยในช่วงของการพยายามกลับสู่เสถียรภาพเดิมนั้นองค์กรจะยังไม่มีการเติบโตและอยู่ในระยะของ 'การเริ่มใหม่' แต่มีสถานะดีกว่าในช่วงการหยุดชะงักรอบปัจจุบัน

ภาวะนี้ทำให้ผู้บริหารไอทีเปลี่ยนวิธีคิด มองความผันผวนคือโอกาส การทำธุรกิจแบบแยกส่วนหรือการออกแบบโมดูลใหม่กับสินทรัพย์ลดการพึ่งพาซึ่งกันและกันจะช่วยให้สามารถจัดองค์ประกอบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และมีความปลอดภัย และยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับคลังเครื่องไม้เครื่องมือขององค์กรที่ช่วยให้ผู้บริหารไอทีสามารถควบคุมความเสี่ยงเพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้

ที่สำคัญ ในปี พ.ศ.2568 สามในสี่ของบริษัทต่างๆ จะ “เลิกให้ความสำคัญ” กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่เหมาะกับธุรกิจ เนื่องจากต้นทุนการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจ

การ์ทเนอร์เชื่อว่า องค์กรมักลบลูกค้าที่ไม่เข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจออกไปจากกระบวนการขาย ซึ่งมีธุรกิจไม่กี่รายเท่านั้นที่บอกลาลูกค้าทันทีหลังจากที่พวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการแล้ว ทั้งนี้ การรักษาลูกค้าที่ไม่เหมาะกับธุรกิจมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในแง่ของเวลาที่ใช้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับต้นทุนค่าเสียโอกาส ความเสื่อมสภาพของแบรนด์ และการสูญเสียผลกำไรระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้

แอฟริกาแข่งเอเชีย NFT ฮอตต่อเนื่อง

ในปี พ.ศ.2569 การ์ทเนอร์เชื่อว่าจะมีนักพัฒนาที่มีความสามารถทั่วทั้งแอฟริกาเพิ่มมากขึ้นถึง 30% โดยคนกลุ่มนี้จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและกลายเป็นระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัปของโลก และแข่งกับเอเชียเพื่อชิงการเติบโตของกองทุนจากนักลงทุน


การ์ทเนอร์เชื่อว่า เงินทุนที่ถาโถมสู่แอฟริกาทำให้หลายประเทศในภูมิภาคนี้กลายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรม” และหวังว่าจะขยายความร่วมมือไปยังบริษัทขนาดใหญ่และสตาร์ทอัปอื่นๆ ได้มากขึ้น เพื่อดึงคนที่มีความสามารถและเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ความรุ่งเรืองทางเทคโนโลยีของประเทศเคนยา ได้ชื่อว่าเป็น "Silicon Savannah" ของแอฟริกาตะวันออก ด้วยระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่มีมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นแรงดึงดูดสำคัญให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และนักพัฒนาเทคโนโลยี

นอกจากนี้ อีก 3 ปีข้างหน้าภูมิภาคนี้จะมีนักพัฒนามืออาชีพเกือบ 900,000 คนทั่วแอฟริกา ผ่านช่องทางการศึกษานอกระบบที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนทั่วโลกจะลดการลงทุนในจีนเพื่อหันมาสนับสนุนตลาดเกิดใหม่นี้

ในอีกทาง ปี พ.ศ.2569 สินทรัพย์ดิจิทัล Non-Fungible Token (NFT) ที่ใช้กลยุทธ์ Gamification จะขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัล (NFTs) กำลังกลายเป็นวิธีการสร้างโมเดลธุรกิจให้เติบโตอย่างทวีคูณ โดยใช้ประโยชน์จากการระดมทุนในแบบไฮเปอร์โทเคนไนซ์ (hyper-tokenization) ซึ่งคุณค่าของ NFT ได้รับการสนับสนุนจากการที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลงานศิลปะและสิ่งประดิษฐ์ดิจิทัล เนื่องจากพวกเขาอยู่ในเครือข่ายของผู้คนที่มีความสนใจและเข้าใจถึงคุณค่าแบบเดียวกัน

ดังนั้นภายในปี พ.ศ.2567 การ์ทเนอร์คาดว่า 50% ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมีสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT) ที่สนับสนุนแบรนด์และ/หรือระบบนิเวศดิจิทัลของตน ซึ่ง NFTs จะกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังเพื่อใช้เสริมศักยภาพให้แก่ระบบนิเวศดิจิทัลและประเมินมูลค่าขององค์กรได้รวดเร็วขึ้น

อินเทอร์เน็ตทั่วถึง

ถัดไปอีก 2 ปี (ภายในปี พ.ศ.2570) การ์ทเนอร์เชื่อว่า ดาวเทียมวงโคจรต่ำจะขยายความครอบคลุมของสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังประชากรที่ยากจนที่สุดในโลกอีกพันล้านคน ช่วยให้ 50% ของคนเหล่านี้หลุดพ้นจากความยากจนด้วย


การ์ทเนอร์อธิบายว่า การใช้การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมแบบ Backhaul ช่วยลดต้นทุนการติดตั้งและการดำเนินงานในการปรับใช้สถานีฐานเครือข่ายมือถือได้อย่างมาก ดาวเทียมยังสามารถส่งสัญญาณผ่านการเชื่อมต่อเกาะต่างๆ ตามที่ตั้งของลูกค้า โดยการแนะนำของกลุ่มดาวเทียม LEO (วงโคจรรอบโลกต่ำ) จะทำให้การขยายเครือข่ายสัญญาณมีความครอบคลุมไปยังพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง ประหยัดขึ้น

“การเชื่อมต่อมีส่วนร่วมสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองในระบบนิเวศที่เปิดกว้างขึ้น ซึ่งการเพิ่ม 'ประชากรเน็ต' ใหม่ๆ อีกหลายพันล้านคนจะสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออินเทอร์เน็ตในแง่ของวัฒนธรรมและเนื้อหา” พลัมเมอร์ กล่าว

ในส่วนสุดท้าย ภายในปี พ.ศ.2570 การ์ทเนอร์พยากรณ์ว่า 1 ใน 4 ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 20 จะถูกแทนที่โดยบริษัทด้านการตอบสนองของระบบประสาทและผู้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของจิตใต้สำนึกวงกว้าง

การ์ทเนอร์สรุปเทรนด์อนาคต 5 ปีว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ยอมรับว่าทุกองค์กรจะผันตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยี บริษัทที่จะก้าวเป็นผู้ชนะเหนือคู่แข่งในทศวรรษหน้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานของระบบสมองและการตอบสนองของระบบประสาท โดยใช้เทคโนโลยีที่มีความอัจฉริยะมาวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ และเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ให้ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น