ในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับการใช้ชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะหลังจากผ่านสถานการณ์ยากลำบากของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น พร้อมไปกับการปรับพฤติกรรมเข้าหาเทคโนโลยีทางการแพทย์ผ่านเครื่องมือดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับเทรนด์ของเทคโนโลยีทางด้านสุขภาพที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำข้อมูลสุขภาพมาวิเคราะห์ เพราะด้วยการเก็บข้อมูลสุขภาพในปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตลอดเวลา ทำให้ สามารถนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาวิเคราะห์ข้อมูลจากความเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพ เพื่อช่วยแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยโรคได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้สามารถรักษาคนไข้ได้อย่างทันท่วงที
แน่นอนว่า ‘ฟูจิฟิล์ม’ เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อเข้าไปช่วยแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ยกระดับการตรวจวินิจฉัยโรค เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์
เพื่อเป็นการสานต่อแคมเปญ ‘Never Stop’ ที่แสดงให้เห็นว่าฟูจิฟิล์มไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมจากความเชี่ยวชาญของเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์ (Medical Imaging) และระบบสารสนเทศทางการแพทย์ (Healthcare IT) ด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI มาช่วยวิเคราะห์ และตรวจหาร่องรอยของโรคในอุปกรณ์ทางการแพทย์
นายยูโตะ คุมาไก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ระบุชัดเจนว่า ปัจจุบัน ฟูจิฟิล์มมุ่งเน้นการทำตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ใน 2 ส่วนด้วยกัน คือ ด้านสารสนเทศ (Healthcare IT) และด้านอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ (Medical Equipment) อย่างครบวงจร เช่น เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลเคลื่อนที่ (Portable Digital X-ray), กล้องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร (Endoscopy), เครื่องอัลตราซาวนด์ภายใต้แบรนด์ Sonosite, เครื่องตรวจเต้านม (Mammography), ระบบสารสนเทศทางการแพทย์ Synapse PACS ที่สามารถจัดเก็บภาพทางการแพทย์ในรูปแบบดิจิตอล นอกจากนี้ฟูจิฟิล์มยังได้ควบรวมกิจการที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยโรคด้วยภาพของ Hitachi Healthcare โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Fujifilm Healthcare Corporation และนำเครื่องมือแพทย์ด้าน MRI และ CT มาเสริมทัพ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟูจิฟิล์มที่ต้องการเป็น “No.1 Total Medical Imaging Solution”
โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจของฟูจิฟิล์มก็คือ “REiLI” เทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยวินิจฉัยรอยโรคได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและแม่นยำ อย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลหลายแห่งได้นำเครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิทัล (Portable X-Ray FDR Nano with AI) มาเอกซเรย์ตรวจหาสิ่งผิดปกติของปอด ได้อย่างทันท่วงที หาก AI ตรวจพบความผิดปกติ ก็จะแสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์อย่างชัดเจน ช่วยให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็วและวิเคราะห์โรคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยแบ่งเบาการทำงานของแพทย์ และทำให้เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ
นอกเหนือจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่กล่าวมาแล้ว ฟูจิฟิล์มยังพัฒนาและผลิตชุดตรวจ FUJIFILM COVID-19 Ag Test สำหรับ professional use ที่สามารถตรวจพบเชื้อโควิดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพแม้จะมีปริมาณเชื้อที่น้อย ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างมาก และยังมีผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียอย่าง สเปรย์แอลกอฮอล์ Hydro Ag+ อีกด้วย
นายฐาปกรณ์ จิตติเลิศวุฒิ Head of Business Unit, Medical Systems กล่าวถึงเครื่อง FDR XAir with AI ว่าเป็นเครื่องเอกซเรย์ขนาดเล็กแบบพกพา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการใช้ในกรณีตรวจฉุกเฉิน ในภาคสนามที่ห่างไกล และพื้นที่จำกัด ที่ต้องการการเข้าถึงผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และนอกจากฟูจิฟิล์มจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว เรายังนำ AI มาพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลสำหรับการส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร (Endoscopy) โดยเฉพาะ ด้วยโปรแกรม Envision Next ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลของผู้ป่วยและลดขั้นตอนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมาก
นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนัก ฟูจิฟิล์มยังเดินหน้าแผนรับผิดชอบต่อสังคม (Contribution to Thai Society) ด้วยการเข้าไปพื้นที่เสี่ยงเพื่อคอยช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์หน้างานในด้านอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์อย่างเต็มกำลัง ฟูจิฟิล์มนำความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการถ่ายภาพมาพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ และผสานเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI มาช่วยในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะหนึ่งในหน้าที่ของฟูจิฟิล์มก็คือ การช่วยเหลือสังคมและดูแลคุณภาพชีวิต เพื่อสุขภาวะที่ดีขึ้นของคนไทย
