NT เปิดเกมรุกตลาดดาต้า เซ็นเตอร์ เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า จับมือ ‘ซุปเปอร์แนป’ เพิ่มแต้มต่อรับตลาดเอกชน-ต่างชาติ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เกือบ 1 ปีแล้วที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ก่อตั้งขึ้น โดยจะครบรอบ 1 ปีในวันที่ 7 ม.ค.2565 การมีทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่เพิ่มขึ้นจากการรวมกันของ 2 รัฐวิสาหกิจเดิม คือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ทำให้หลายคนกำลังตั้งคำถามถึงความสามารถในการนำความได้เปรียบดังกล่าวมาสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างไร ซึ่งหนึ่งในทรัพยาการที่สำคัญของ NT นอกจากคลื่นความถี่โทรคมนาคม ท่อร้อยสายเคเบิลใต้ดิน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์แล้ว NT ยังนับเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต เกตเวย์ระหว่างประเทศ เชื่อมต่อตรงไปยังทุกทวีป ซึ่งสิ่งนี้เองได้กลายเป็นจุดแข็งที่ต่างชาติสนใจในการเข้ามาเป็นลูกค้า โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนใช้ดาต้า เซ็นเตอร์ ของไทยเพื่อเป็นฮับในการให้บริการลูกค้าในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน
*** ชูจุดแข็งเป็นเจ้าของโครงข่าย
ทำไมการเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต เกตเวย์ระหว่างประเทศกลายเป็นเสน่ห์ของ NT เรื่องนี้ ‘น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์’ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริษัท NT เล่าให้ฟังว่า ข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มขึ้น การใช้งานอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงานผ่านออนไลน์ต่างๆ ประเทศไทยนับเป็นประเทศต้นๆ ของภูมิภาคนี้ที่ใช้งานมากที่สุด จนกลายเป็นจุดสนใจให้ต่างชาติ อย่าง กูเกิล AWS มองหาดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อให้การทำงานไม่สะดุด ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือบริษัทไหนที่เป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต เกตเวย์ ระหว่างประเทศ นั่นจะเป็นจุดแข็งที่ต่างชาติมองหา เพราะเท่ากับว่าเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การทำงานที่ดี อีกทั้ง NT ยังเป็นเจ้าของโครงข่ายทั้งไฟเบอร์ออปติก ท่อร้อยสาย และคลื่นความถี่โทรคมนาคม
ทว่า มาตรฐานดาต้า เซ็นเตอร์ที่ต่างชาติต้องการนั้นคือมาตรฐานดาต้า เซ็นเตอร์ระดับเทียร์ 4 ซึ่งการจะทำให้ดาต้า เซ็นเตอร์เป็นระดับนั้นได้ต้องใช้เงินลงทุนสูง และใช้เวลานานพอสมควรในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบรับรองดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าสำรอง การหาพื้นที่ตั้งซึ่งต้องไม่เสี่ยงเรื่องภัยพิบัติ หรือ เสี่ยงต่อการถูกปิดสถานที่จากม็อบต่างๆ เป็นต้น ทำให้บริษัทต้องหาพันธมิตรที่มีดาต้า เซ็นเตอร์ตรงตามมาตรฐานดังกล่าวมาทำงานร่วมกันแทน เพื่อลดต้นทุนและสามารถสร้างทางเลือกให้ลูกค้าได้
*** ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
NT มีวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า ดังนั้น แทนที่ NT ต้องใช้เงินมหาศาลในการสร้างดาต้า เซ็นเตอร์ให้มีมาตรฐานระดับเทียร์ 4 เอง ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ในประเทศใช้งานระดับเทียร์ 3 เท่านั้น ด้วยราคาที่ถูกกว่าและเพียงพอต่อการให้บริการ จึงเป็นที่มาของการลงนามสัญญาความร่วมมือ (เอ็มโอยู) เป็นเวลา 3 ปี กับบริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ สัญชาติสหรัฐอเมริกาซึ่งมีดาต้า เซ็นเตอร์มาตรฐานระดับเทียร์ 4 ตั้งอยู่ที่ จ.ชลบุรี
การเซ็นเอ็มโอยูครั้งนี้เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า ต่างชาติเริ่มมองหาผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศไทยโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของโครงข่าย ดังนั้น เมื่อ NT มีความร่วมมือกับซุปเปอร์แนป จะทำให้ NT มีโซลูชันให้ลูกค้าเลือกเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสให้ NT สามารถขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มอื่นๆ ได้มากขึ้น เช่น บริษัทข้ามชาติ กลุ่มธนาคาร เป็นต้น ขณะที่ซุปเปอร์แนปเองซึ่งมีดาต้า เซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียวก็สามารถหาโซลูชันเพิ่มให้ลูกค้าตนเองด้วยการเสนอให้ดาต้า เซ็นเตอร์ของ NT ที่มีอยู่ 13 แห่งเป็นดาต้า เซ็นเตอร์ สำรองสำหรับลูกค้าของเขาได้ จึงเป็นการลดต้นทุนในการสร้างดาต้า เซ็นเตอร์เพิ่มเติมของทั้งสองบริษัทด้วย
*** เปิดสเปกดาต้า เซ็นเตอร์ NT
สำหรับดาต้า เซ็นเตอร์ของ NT มีอัตราการเติบโต 20% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดี โดยดาต้า เซ็นเตอร์ ของ NT เป็นบริการศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ แบบครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศไทย ให้บริการ Server Co-location, Email Hosting รวมไปถึงให้เช่าพื้นที่ Temp Office ด้วยมาตรฐาน Trust Site Infrastructure (TSI) ระดับเทียร์ 3 และ ISO 27001 มั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ไฟไม่ดับด้วยระบบไฟฟ้า 2 แหล่งจ่าย มั่นใจความรวดเร็วฉับไวด้วย อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ดาต้า เซ็นเตอร์ NT มีบริการ 4 รูปแบบ คือ 1.Server Co-location บริการให้เช่าพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ภายในศูนย์ ดาต้า เซ็นเตอร์ มีขนาดตู้ Rack ตั้งแต่ 1U จนถึง 1 Full Rack หรือหากต้องการความปลอดภัยขั้นสูงสุด NT ก็มีบริการ Co-Location แบบไพรเวท ที่มีตู้กรงล็อก และห้องวีไอพี พร้อมให้บริการ 2.Email Hosting บริการให้เช่าพื้นที่สำหรับสร้างอีเมลส่วนตัวให้องค์กรของลูกค้า รับส่งอีเมลได้อย่างรวดเร็วทันใจด้วยระบบ Mail Sever ของ NT มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล เพิ่มพื้นที่สูงสุดได้ไม่จำกัด ไม่ต้องติดตั้งระบบเอง ไฟล์ใหญ่ขนาดไหนก็รับได้ รวมถึงยังสามารถปรับเปลี่ยนจำนวน Email Account ได้ตามความต้องการ พร้อมทีมงานที่พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
3.Web Hosting บริการรับฝากเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงที่จัดหาให้ที่ดาต้า เซ็นเตอร์ อาคารบางรักพร้อมการดูแลครบวงจรโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ NT ซึ่งมีประสบการณ์ในการดูแลเซิร์ฟเวอร์พร้อมซอฟต์แวร์ที่หลากหลายบริการ และระบบบริหารความปลอดภัยอย่างครบวงจร และ 4.Temp Office บริการให้เช่าพื้นที่สำนักงานชั่วคราวที่ดาต้า เซ็นเตอร์ในกรุงเทพฯ นนทบุรี และที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดย Temp Office จะอยู่ติดกับห้อง Server Room พร้อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงาน พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อปฏิบัติงานในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินที่ Main Site โดยห้อง Temp Office จะมีหลากหลายขนาดให้เลือกตามความต้องการ
ปัจจุบัน NT มีลูกค้าที่ใช้คลาวด์ในโครงการคลาวด์ภาครัฐ 700 หน่วยงาน จำนวน 23,000 วีเอ็ม คิดเป็น 3,000 ระบบ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงพยาบาลและลูกค้าเอกชนอีกจำนวน 300 บริษัท จำนวน 500 วีเอ็ม และเริ่มมีบริษัทต่างชาติติดต่อเข้ามาเพื่อขอใช้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ เทียร์ 4 แล้ว เช่น AWS และ กูเกิล
ด้านนางสุนิตา บ๊อตเซ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซุปเปอร์ แนป (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้รับการออกแบบโมดูลาร์และปรับขนาดได้ด้วยการขยายศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 2 อาคาร ที่สามารถให้บริการพลังงานถึง 60 เมกะวัตต์และพื้นที่สำหรับมากกว่า 5,000 ตู้ รวมถึงการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไฟเบอร์จากผู้ให้บริการโครงข่ายหลายรายหลายเส้นทาง และสามารถรับประกันประสิทธิภาพสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่สูงสุดในแต่ละสถานการณ์อีกด้วย
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ยังมีนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานและระบบควบคุมอุณหภูมิที่ช่วยให้บริษัทเป็นศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด พร้อมรองรับการใช้พลังงานความหนาแน่นสูงถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้ และมีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ต่อปีที่ 1.35-1.45 ซึ่งเป็นระดับที่มีประสิทธิภาพมากกว่าศูนย์ข้อมูลอื่นๆ ในอาเซียน ด้วยคุณสมบัตินี้ผู้ใช้บริการยังจะมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระดับโลกสู่พลังงานสะอาด
