โคเฮซิตี้ (Cohesity) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ยืนยันภัยโจมตีด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือแรนซัมแวร์ยังร้ายแรงต่อเนื่องทั่วเอเชีย ระบุเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อลูกค้าองค์กรในหลายประเทศ ตั้งเป้าปี 65 ลุยโปรโมตให้ลูกค้าเข้าใจความแตกต่างของการป้องกันภัยแรนซัมแวร์ที่ไม่ต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์
ซานธิช เมอร์ธี (Sathish Murthy) ผู้อำนวยการด้านวิศวกรรมระบบของ Cohesity ภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย กล่าวถึงแนวโน้มตลาดระบบป้องกันแรนซัมแวร์ว่า ขณะนี้มีธนาคารหลายแห่งที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันแรนซัมแวร์อย่างจริงจัง ซึ่งแม้จะไม่มีการสำรวจตลาดถึงตัวเลขหรือสถานะที่แน่ชัดว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซนต์ แต่ลูกค้าองค์กรในหลายประเทศมีความเคลื่อนไหวจริงจังเนื่องจากมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรง
แรนซัมแวร์นั้นเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีคอมพิวเตอร์ขององค์กรและบุคคล ด้วยการเข้ารหัสข้อมูลและปิดกั้นไม่ให้มีการเข้าถึง จากนั้นผู้โจมตีแรนซัมแวร์จะเรียกร้องค่าธรรมเนียมจากเหยื่อเพื่อแลกกับการเปิดใช้งานระบบอีกครั้ง ซึ่งการโจมตีลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เบื้องต้น Ravi Rajendran รองประธาน Cohesity ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น คาดว่ามูลค่าความเสียหายของแรนซัมแวร์ทั่วโลกจะสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท โดยเผยว่า การโจมตีของแรนซัมแวร์จะเกิดขึ้นทุกๆ 2 วินาทีภายในปี 2031 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ถี่ขึ้นจากทุกๆ 11 วินาทีในปัจจุบัน
ผู้บริหาร Cohesity ยกตัวอย่างสถิติของบริษัทวิจัย Cybersecurity Ventures และ Gartner พบว่า แรนซัมแวร์ทั่วไปสร้างความเสียหายให้องค์กรมากกว่าที่คิด เพราะส่วนใหญ่เสียหายมากกว่าค่าไถ่ที่แฮกเกอร์เรียกถึง 10-15 เท่าตัว จุดนี้ Cohesity ตั้งข้อสังเกตว่ามีองค์กรเพียง 2% เท่านั้นที่สามารถกู้คืนจากความเสียหายได้ สอดคล้องกับข้อกำหนดการกู้คืนที่ธุรกิจกำหนด
Cohesity สรุปว่าการปกป้องและกู้คืนข้อมูลจำเป็นต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากจะช่วยลดการหยุดชะงักและการชำระเงินค่าไถ่ได้ ดังนั้น หากองค์กรมีกระบวนการสำรองข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและรอบคอบ อาชญากรไซเบอร์ก็จะมีอำนาจในการบังคับหรือสร้างความเสียหายน้อยลง
ในภาพรวม Cohesity กล่าวถึงเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้ในปีหน้า ว่าจะโฟกัสที่การพัฒนาแนวทางเฉพาะในการปกป้องข้อมูลสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ รวมถึงการชูความแตกต่างจากซอฟต์แวร์ป้องกันแรนซัมแวร์อื่นในท้องตลาด เพื่อให้ Cohesity สามารถต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค