เก็บตกจากงานประชุม Ignite 21 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ที่มีผู้เข้าร่วมงาน 26,000 คนจากทั่วโลก โดยครั้งนี้พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ได้เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมล้ำหน้า และได้แถลงความร่วมมือทั้งในด้านระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ และการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัย กลายเป็นนวัตกรรมด้านความปลอดภัยเป็นครั้งแรกของวงการ ที่จะช่วยองค์กรในการปกป้องช่องโหว่ (attack surface) ด้านความปลอดภัยซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ลี คลาริช (Lee Klarich) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า บริษัทจำนวนมากได้ก้าวเข้าสู่ยุคการทำงานแบบไฮบริดและมีการใช้ระบบคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น รูปแบบการทำงานจึงเปลี่ยนไป แอปประเภท SaaS ที่ช่วยในเรื่องการทำงานร่วมกันได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุประสิทธิภาพของการทำงานแบบไฮบริด หากแต่ระบบรักษาความปลอดภัยของ SaaS ยังไม่ดีพอ ดังนั้น ภายใต้การเปิดตัว CASB รุ่นใหม่ บริษัทจึงถือเป็นรายแรกที่ตระหนักและใส่ใจต่อเรื่องดังกล่าว และมาพร้อมแนวทางแก้ไขปัญหา
"ขณะเดียวกัน มีการพัฒนาและติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชันจำนวนมากขึ้นบนคลาวด์ ดังนั้น Prisma Cloud 3.0 จึงพร้อมช่วยปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ได้อย่างครบวงจร กล่าวได้ว่า Prisma Cloud ช่วยยกระดับความก้าวหน้าของวงการสู่การปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งสำคัญในด้านการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ได้อย่างแท้จริง"
ผู้ชม 26,000 คน ที่เข้าร่วมประชุมภายในงาน Ignite 21 ได้มีโอกาสพบกับการเปิดตัวโซลูชันที่มาพร้อมนวัตกรรมอันล้ำหน้าจากพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ซึ่งประกอบด้วย Prisma® Cloud 3.0 แพลตฟอร์มแบบครบวงจรตัวแรกที่พร้อมปกป้องแอปพลิเคชันอย่างเต็มรูปแบบ และโซลูชัน CASB (Cloud Access Security Broker) รุ่นใหม่ ซึ่งยกระดับความปลอดภัยให้การใช้งานซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ (SaaS) ในยุคที่องค์กรต่างๆ มีการใช้งาน SaaS มากขึ้นภายใต้การทำงานในรูปแบบไฮบริด นอกจากนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ยังได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจภายใต้โครงการ Cortex® eXtended Managed Detection and Response (XMDR) Partner Specialization เพื่อให้บริการโซลูชัน Cortex XDR 3.0 ในรูปแบบการให้บริการผ่านพันธมิตรมากกว่า 15 ราย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า
งานประชุม Ignite 21 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ประกาศเปิดตัวโซลูชันที่น่าสนใจ คือ Prisma Cloud 3.0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่มอบความปลอดภัยแก่แอปพลิเคชันได้อย่างครบวงจร โดยช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ทั้งหมดขององค์กรด้วยการลดความเสี่ยงในช่วงรันไทม์ ปัจจุบันมีฐานลูกค้าในกลุ่ม Fortune 100 มากถึง 77% ซึ่ง Cloud Native Application Protection Platform (CNAPP) ที่สมบูรณ์แบบช่วยมอบการรักษาความปลอดภัยผ่านโค้ดบนคลาวด์ซึ่งสามารถฝังปราการป้องกันที่สำคัญไว้ในกระบวนการพัฒนา มอบระบบรักษาความปลอดภัยแบบไม่มีตัวกลาง (Agentless) เพื่อเสริมการปกป้องระบบแบบใช้ตัวกลางที่มีอยู่เดิม และยังมอบ Cloud Infrastructure Entitlement Management (CIEM) ให้ Microsoft Azure
โซลูชันที่ 2 คือ CASB รุ่นใหม่ที่ช่วยให้องค์กรสามารถปกป้องการใช้งาน SaaS ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างปลอดภัย โดยพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ อธิบายว่า CASB รุ่นใหม่ช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยสำหรับซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ (SaaS) ให้ตอบโจทย์สถานที่ทำงานไฮบริดในปัจจุบัน โดยได้พัฒนาขึ้นเพื่อปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ โดยเฉพาะกับเครื่องมือเพื่อการทำงานร่วมกันยุคใหม่ ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยบน SaaS รุ่นเก่าไม่สามารถปกป้องได้ ทั้งนี้ CASB รุ่นใหม่ช่วยให้องค์กรสามารถนำ SaaS มาใช้งานได้อย่างมั่นใจ โดยสามารถปกป้องแอปพลิเคชันใหม่ได้โดยอัตโนมัติ พร้อมปกป้องข้อมูลที่อ่อนไหวได้อย่างแม่นยำในแบบเรียลไทม์ และช่วยป้องกันภัยคุกคามทั้งที่ระบบรู้จักและไม่รู้จักโดยใช้คุณสมบัติการตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคามที่ดีที่สุดในวงการ ซึ่งสามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้จากที่นี่
โซลูชันที่ 3 คือ WildFire ระบบวิเคราะห์มัลแวร์อันล้ำหน้า ซึ่งบริษัทให้พร้อมให้บริการในแบบ API แยกเฉพาะ เพื่อรับมือกับยุคดิจิทัลในมิติใหม่
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ยังประกาศเปิดให้บริการ WildFire ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์แยกเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยขององค์กรที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าทางออนไลน์ในรูปแบบใหม่ โดยถือเป็นหนึ่งในโซลูชันการวิเคราะห์มัลแวร์อันสุดล้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และทำงานผ่านระบบอัจฉริยะบนเครื่องของลูกค้ากว่า 80,000 ราย ซึ่งการเปิดให้บริการรูปแบบใหม่ดังกล่าวจะทำให้องค์กรจำนวนมากสามารถผสาน WildFire เพื่อนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การปกป้องพอร์ทัลออนไลน์ (online portal) ที่ลูกค้ามีการติดต่อเป็นจำนวนมากกับธุรกิจและภาครัฐ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกค้ากลายเป็นต้นตอการเผยแพร่มัลแวร์
โซลูชันที่ 4 คือ โครงการ eXtended Managed Detection and Response (XMDR) Specialization ช่วยมอบ Cortex XDR สู่ฐานลูกค้าที่มากขึ้น โดยโครงการ Cortex SMDR Specialization ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ความต้องการ Cortex XDR 3.0 ซึ่งเป็นโซลูชันที่ครอบคลุมด้านการตรวจจับและการรับมือกับภัยคุกคามของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ทำให้พันธมิตร MSSP สามารถผสาน Cortex XDR เข้ากับข้อเสนอการให้บริการพ่วงการจัดการของแต่ละบริษัท เพื่อช่วยให้การทำงานของศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยของลูกค้าเป็นไปอย่างกระชับ และสามารถบรรเทาภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีองค์กรมากกว่า 15 แห่ง ที่ได้รับสถานะ Cortex XMDR Specialization ซึ่งรวมถึง PwC, Orange Cyberdefense, CRITICALSTART และ Trustwave โดยได้มีการผสานรวมเรื่องใบรับรองและการฝึกอบรมเอาไว้ภายใต้สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ของ Cortex XDR 3.0
ส่วนที่ 5 คือ Unit 42 ทุ่มกำลังด้าน Cloud Incident Response จากการเพิ่มขึ้นของกรณีปัญหาด้านคลาวด์กว่า 188% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น Unit 42 จึงได้ประกาศทุ่มกำลังด้าน Cloud Incident Response หรือการรับมืออุบัติการณ์ด้านคลาวด์ เพื่อมอบแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการกับอุบัติการณ์ด้านคลาวด์ในทุกระดับ ทำให้สามารถกอบกู้สถานการณ์แก่องค์กรที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยทีมงานผู้ชำนาญด้านการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิทัลบนคลาวด์ และการรับมืออุบัติการณ์ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อันล้ำหน้า เช่น Cortex XDR, Cortex Xpanse, Prisma Cloud และวิธีการ DFIR แบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับอุบัติการณ์ด้านคลาวด์ที่มีลักษณะแบบไดนามิก ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถระบุปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งต้นทางการโจมตี ขอบเขตการเข้าถึง และข้อมูลที่ได้รับความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังช่วยมอบคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขและเสริมการควบคุมระบบ เพื่อให้อุบัติการณ์ดังกล่าวอยู่ในขอบเขตที่จำกัด
สำหรับงาน Ignite 21 เป็นงานที่พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ สามารถรวมตัวผู้ลงทะเบียนราว 26,000 คน จากมากกว่า 100 ประเทศ ได้มารวมตัวกันในงาน Ignite ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2021 ประกอบด้วย การประชุม Global Ignite '21, Partner Summit และ Public Sector Ignite