เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมด้านเอดจ์ครอบคลุมสายผลิตภัณฑ์พีซีและระบบโครงสร้างพื้นฐาน มั่นใจช่วยให้องค์กรปรับใช้งานได้อย่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน พร้อมเพิ่มคุณค่าของข้อมูลที่สร้างและประมวลผลอยู่นอกดาต้าเซ็นเตอร์ดั้งเดิมและบนพับบลิคคลาวด์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไกลและทุรกันดาร ตลอดจนร้านค้าปลีกและในอาคารโรงงาน
ไมเคิล เดลล์ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า เอดจ์ คือเขตแดนที่ยิ่งใหญ่ถัดไปของเทคโนโลยี เอดจ์อยู่รอบๆ ตัวทุกคนในทุกที่ ตั้งแต่ร้านค้าปลีกไปจนถึงโรงงานผลิต ในเมืองอัจฉริยะและในโรงพยาบาล
“ที่เดลล์ เรากำลังคิดค้นโซลูชันที่ง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้กับแหล่งที่มาของข้อมูล ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและนำไปสู่ความก้าวหน้า”
บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้ประเมินว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของระบบโครงสร้างไอทีใหม่ๆ จะถูกนำมาใช้กับเอดจ์ภายในปี 2023 โดย 69 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรใน Fortune 100 ใช้โซลูชันเอดจ์ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ อยู่แล้ว ซึ่งบริษัทได้สนับสนุนความต้องการด้านวงจรชีวิตข้อมูลสำหรับสิ่งที่จะกลายเป็นเขตแดนของเทคโนโลยีหลักถัดไป
สำหรับโซลูชันใหม่และการอัปเดตใหม่ที่ประกาศออกมาล่าสุด ได้แก่ Dell EMC VxRail satellite nodes ที่เดลล์เชื่อว่าจะขยายความสามารถด้านระบบออโตเมชันและการบริหารจัดการแบบครบวงจรการทำงาน (Life Cycle Management) ให้ครอบคลุมไปถึงระบบที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่มีในปัจจุบันสำหรับเวิร์กโหลดของเอดจ์ พร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 30 พฤจิกายน 2021
นอกจากนี้ยังมี Dell Technologies Validated Design สำหรับ Manufacturing Edge พร้อมด้วย Litmus ช่วยให้ผู้ประกอบการโรงงานตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในการปรับปรุงคุณภาพและลดค่าใช้จ่าย พร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 26 เดือนตุลาคม 2021
รวมถึง Dell EMC Edge Gateway เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เอดจ์ที่มีอยู่หลากหลายในสภาพแวดล้อมด้านไอทีและเทคโนโลยีการดำเนินการ เพื่อมอบมุมมองเชิงลึกด้านข้อมูลแบบเรียลไทม์ โมเดลใหม่จะพร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกต้นปี 2022
ขณะที่ Dell EMC Streaming Data Platform รองรับ GPUs ได้เต็มประสิทธิภาพเพื่อการใช้งาน วิดีโอสตรีมมิ่ง และรองรับระบบวิเคราะห์แบบเรียลไทม์บน Dell EMC VxRail และระบบงานของ PowerEdge เวอร์ชันอัพเดตจะพร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 30 เดือนตุลาคม 2021
และที่สำคัญคือแล็ปท็อป Dell Latitude Rugged สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมเอดจ์ที่สมบุกสมบั่น โดยที่ยังคงประสิทธิภาพและความสามารถด้านการเชื่อมต่อในระดับสูง ทั้ง Latitude 5430 Rugged และ Latitude 7330 Rugged Extreme ที่รองรับ 5G ทั้งหมดเป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เดลล์กำลังขยายสายผลิตภัณฑ์ด้านเอดจ์ที่มีอยู่ด้วยศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า จะพร้อมสำหรับการสั่งซื้อทั่วโลกในวันที่ 9 ธันวาคม 2021 โดยจะมาพร้อมกับ Windows 11