NT หนุน GBDi พัฒนาโครงการ “Health Link” เชื่อมโยงข้อมูลคนป่วยระหว่าง รพ. ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ตั้งเป้าประชาชนร่วมโครงการ 1 แสนคน รพ.เข้าร่วม 100 แห่ง มั่นใจข้อมูลปลอดภัยตามมาตรฐานสากล สมัครผ่านแอปเป๋าตังได้แล้ววันนี้
นายวงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจดิจิทัล บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า NT ได้ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) โดยการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศภายใต้ชื่อ “Health Link” โดยรวบรวมข้อมูลประวัติการรักษาของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการมาจัดเก็บด้วยมาตรฐานเดียวกันบนระบบคลาวด์ของ NT ทำให้โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลอื่นๆ ได้
ระบบ Health Link จะช่วยอำนวยความสะดวกผู้ป่วยในการย้ายโรงพยาบาลหรือกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วยให้แพทย์ในโรงพยาบาลใหม่สามารถเรียกดูประวัติการรักษาของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเดิมที่อยู่ในโครงการได้ทันที เพื่อการรักษาที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยในเฟสแรก Health Link มีเป้าหมายเชื่อมโยงข้อมูลโรงพยาบาล 100 แห่งภายในปีนี้
สำหรับระบบ Health Link ได้รับการพัฒนาอยู่บนคลาวด์ของ NT ซึ่งได้มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย ISO 27001 และ CSA STAR เนื่องจากข้อมูลสุขภาพและประวัติการรักษาเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องมีระบบการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานสากล ระบบ Health Link จึงใช้มาตรฐาน Fast Healthcare Interoperability Resources (FHIR) ซึ่งเป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพที่กำหนดโดยองค์กร Health Level Seven (HL7) International ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก
การเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบ Health Link จะเกิดก็ต่อเมื่อผู้สนใจสมัครใช้งานและยินยอมให้โรงพยาบาลส่งข้อมูลประวัติการรักษาของตนเองเข้าระบบเท่านั้น โดยข้อมูลจะมีการเข้ารหัสในการจัดเก็บเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จะต้องเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา และปฏิบัติงานในโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น อีกทั้ง Health Link ยังรองรับการตรวจสอบย้อนหลังการใช้งานต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนระบบ ประชาชนและโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการจึงสามารถเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของระบบได้
“ภายใน 1-2 ปีนี้ รพ.ที่เข้าร่วมโครงการฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะใช้งบจากกองทุน เนื่องจากที่จริงแล้วเรามีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการแปลงข้อมูลจากแพลตฟอร์มของแต่ละโรงพยาบาลที่ต่างกันและต้องใช้เวลาในการแปลงข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการเชื่อมโยงสู่ระบบกลางด้วย แต่ด้วยงบประมาณจากกองทุนที่ได้มาจึงทำให้สามารถดำเนินการได้” นายวงกต กล่าว
รศ.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบัน GBDi กล่าวว่า การพัฒนาระบบเชื่อมโยงสุขภาพในระดับประเทศที่ผ่านมาเกิดได้ยาก โดยโจทย์สำคัญคือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโรงพยาบาล ที่ผ่านมา โรงพยาบาลต่างมีระบบเก็บข้อมูลผู้ป่วยของตัวเองหลากหลายรูปแบบที่แตกต่าง การแลกเปลี่ยนหรือส่งต่อข้อมูลมีขั้นตอนซับซ้อนและใช้เวลา เป็นอุปสรรคต่อการรักษาผู้ป่วยข้ามโรงพยาบาล เคสฉุกเฉิน หรือการส่งผู้ป่วยข้ามจังหวัด ทำให้การรักษาล่าช้าและประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ข้อมูลแลกเปลี่ยนนั้นคือข้อมูลการเจ็บป่วยทั่วไป และประวัติการรักษาเพื่อป้องกันการวินิจฉัยซ้ำ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการรักษาให้รวดเร็วขึ้น
ระบบ Health Link ที่ออกแบบรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพของประเทศไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศในภาพรวม คาดว่าภายในปีหน้าจะมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการเป็น 200 แห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 20 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลทหาร และโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลภูมิพล โรงพยาบาลสมุทรปราการ เป็นต้น ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการปัจจุบันเข้าร่วมแล้วกว่า 40,000 คน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 100,000 คนภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 1 ล้านคนภายในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจใช้บริการ Health Link ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถสมัครใช้บริการ ผ่านทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เลือกเมนู “กระเป๋าสุขภาพ” กดเลือก “Health link” ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.healthlink.go.th/