เบ็นคิว (ประเทศไทย) เขย่าตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ Interactive Flat Panel (IFP) หรือ จอแสดงภาพแบบทัชสกรีน ระบุสร้างสถิติใหม่ด้วยการขึ้นครองแชมป์อันดับที่ 1 ในประเทศไทย ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 24.9% พร้อมเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ด้วยการนำโซลูชั่นเพื่อการเรียนรู้แบบผสมผสานตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ ทั้งกลุ่มสถาบันการศึกษา และกลุ่มองค์กรเอกชน
นายวัชรพงษ์ วงษ์มา รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ กล่าวว่าลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสถิติใหม่ให้กับ แบรนด์ BenQ ทำให้กลุ่มสินค้าประเภทจอกระดานอัจฉริยะ หรือ Interactive Flat Panel (IFP) ได้ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ช่วงไตรมาสที่สองของประเทศไทยในปี 2021 นี้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง เบ็นคิว ได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงรุกโดยการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานจริงมากขึ้น พร้อมนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ออกแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์มัลติมีเดียและระบบซอฟแวร์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้งานง่ายขึ้น ตลอดจนอำนวยความสะดวกต่อการเรียนการสอนและการใช้งานในห้องประชุม
“จอกระดานอัจฉริยะ หรือ IFP ของ เบ็นคิว ได้เริ่มนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 2016 จนถึงปัจจุบัน และเริ่มเติบโตแบบก้าวกระโดดจากอันดับที่ 10 สู่อันดับที่ 4 ในปี 2020 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 9.43% จากการใช้กลยุทธ์เจาะลึกเฉพาะกลุ่มตลาดการศึกษาเอกชน พร้อมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายกับพันธมิตรทางการค้าแบบเช่าซื้อและเช่าใช้ ส่งผลให้ในปี 2021 ช่วงไตรมาสแรก ขึ้นครองอันดับที่ 2 รับส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 18.30% และในส่วนของไตรมาสที่สอง ของปี 2021 นี้ จากการเปิดเผยข้อมูลของ Futuresource Consulting ระบุว่า จอ Interactive Flat Panel Display (IFPD) ของ เบ็นคิว ประเทศไทย มียอดจำหน่ายเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งเรียกว่าเป็นการสร้างสถิติใหม่ให้กับแบรนด์ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 24.9% เติบโตเพิ่มขึ้น 140% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้านี้” นายวัชรพงษ์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับแบรนด์สินค้าได้เติบโตในระยะยาว นายวัชรพงษ์ กล่าวเสริมว่า “ ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นการสร้างกำลังใจ และความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ พร้อมเป็นโอกาสให้ได้เติบโตต่อไป ซึ่งทาง เบ็นคิว เองพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาในทุกด้าน เพื่อการตอกย้ำความเป็นเจ้าแรกในตลาดที่คิดค้นวิวัฒนาการใหม่ๆ ปัจจุบันจอ IFP ของ เบ็นคิว มีให้เลือกขนาดของหน้าจอมากที่สุด เริ่มตั้งแต่ 55 นิ้ว ไปจนถึง 98 นิ้ว โดยแต่ละซีรี่ย์จะมีออฟชั่นและจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณ ค่าฝุ่น PM 2.5, เซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ซาวด์บาร์ เป็นต้น แต่ในทุกรุ่นนั้นยังคงมีมาตรฐานเดียวกันในเรื่องของเทคโนโลยีในการป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากนิ้วมือหรือลายนิ้วมือบนหน้าจอ และความคมชัดระดับ 4K
“ขณะเดียวกัน ได้เตรียมพร้อมเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์เพื่อรองรับการเรียนการสอนแบบใหม่ 2 แบบด้วยกัน นั่นคือ 1. นำเสนอรูปแบบการเรียนของนักเรียนที่บ้านแบบ 100% โดยให้คุณครูทำการสอนผ่านจอ IFP ที่โรงเรียน โดยจอ IFP นั้น สามารถทำการบันทึกภาพและเสียงตลอดการสอนได้ทั้งหมด และนำไปอัพโหลดไว้บนคลาวด์ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดภาระของคุณครูผู้สอน ทำให้คุณครูสามารถมีเวลาเตรียมเนื้อหาในบทต่อไป และนักเรียนในชั้นเรียนถัดไปสามารถเข้าชมการเรียนการสอนนี้ได้ทันที หรือจะกลับมาทบทวนอีกครั้งก็ได้เช่นกัน 2. รูปแบบการเรียนการสอนแบบ 50:50 ที่ให้นักเรียนสลับและแบ่งกันเรียนที่โรงเรียนและบ้าน ครั้งละครึ่งหนึ่งของห้องเรียน เพื่อลดความแออัดในห้องเรียน แต่นักเรียนยังสามารถเรียนได้พร้อมกัน และนอกจากนี้ได้ขยายการเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างจังหวัดในโซนภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน มากขึ้นในรูปแบบของการเช่าซื้อและเช่าใช้” นายวัชรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
นายวัชรพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่าการเติบโตได้ในช่วงยุคโควิด-19 ถือว่าประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่เกินคาด ทาง เบ็นคิว ได้มองไว้ว่านวัตกรรมเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยในการเรียนการสอนของประเทศไทยได้กว้างขึ้น ที่ไม่ใช่เพียงแค่โรงเรียนเอกชนเท่านั้น หวังว่าโรงเรียนรัฐบาลก็จะสามารถใช้รูปแบบการเรียนการสอนนี้ได้เช่นกัน เพื่อให้มีความเท่าเทียมกันในมาตรฐานการศึกษา.