เบลนเดต้า (Blendata) เผยจุดยืนปฏิวัติการเก็บข้อมูลถาวรให้เป็นมากกว่าแค่การเก็บ ชูโซลูชัน Data Archiving สืบค้นได้ วิเคราะห์เร็ว พร้อมต่อยอดการทำ Big Data
นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เบลนเดต้า จำกัด เผยว่า ปัจจุบันองค์กรธุรกิจมีความตื่นตัวเป็นอย่างมากในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งถ้าหากใครมีข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ยิ่งสร้างความได้เปรียบ ดังนั้นองค์กรจึงมีความพยายามที่จะนำข้อมูลที่แม้จะเป็นข้อมูลเก่าที่ถูกเก็บไว้มาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่กลับประสบปัญหาและข้อจำกัด เนื่องจากข้อมูลมีจำนวนมาก การบริหารจัดการก็ทำได้ยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลเก่า เช่น ประวัติการทำธุรกรรม และข้อมูลการใช้งานต่างๆ ที่มักถูกเก็บไว้โดยวิธี Data Archive แบบเก็บลงเทป เพื่อลดต้นทุนในการจัดเก็บ แต่ต้องแลกมากับความยุ่งยากและใช้เวลาอย่างมาก
“หากต้องการนำข้อมูลมาใช้งานจะต้องทำการ Restore ข้อมูลก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ อีกทั้งการทำ Data Archive แบบทั่วไปมักมีข้อจำกัดสำหรับรูปแบบไฟล์และเวอร์ชันที่ยึดติดกับยี่ห้อและระบบที่ให้บริการ ซึ่งถ้าหากมีการใช้งานการเก็บข้อมูลหลายยี่ห้อและหลายระบบก็จะส่งผลให้ยากต่อการนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานร่วมกัน”
ในฐานะที่ Blendata เป็นบริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data อัจฉริยะบนคลาวด์ การรุกปฏิวัติการทำ Data Archiving จากรูปแบบเดิมที่เป็นเพียงการเก็บข้อมูลให้สามารถสืบค้นข้อมูลได้ทันทีและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ถูกมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมนำไปต่อยอดในการทำ Data Warehouse และ Data Lake เพื่อประโยชน์ของธุรกิจ ตอบรับเทรนด์องค์กรต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven) ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจการเงินและธนาคาร ประกันภัย โทรคมนาคม รีเทล
Blendata จึงโฟกัสเรื่องการปฏิวัติการทำ Data Archiving ด้วยโซลูชันรูปแบบใหม่ บนแพลตฟอร์ม Blendata Enterprise ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบจัดเก็บข้อมูลแบบถาวร (Archiving) และพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เข้าด้วยกัน เพื่อมุ่งแก้ปัญหาและตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ โดยโซลูชัน Data Archiving บน Blendata Enterprise มีจุดเด่นในการทำงาน ดังนี้ 1.สามารถสืบค้นและสามารถนำข้อมูลไปใช้งานได้รวดเร็วและทันที โดยไม่ต้องทำการ Restore ข้อมูลก่อน ทั้งยังประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดไฟล์ให้เล็กลงถึง 2-15 เท่า 2.ระบบการบริหารจัดการข้อมูลที่ใช้งานง่าย สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Database, Flat Files และ Logs
อีกทั้งด้วยสถาปัตยกรรมแบบแยกหน่วยประมวลผลและหน่วยจัดเก็บข้อมูล (Decoupling Compute & Storage) จึงทำให้สามารถเลือกใช้หน่วยจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่หรือจากผู้ผลิตชั้นนำและยืดขยายได้อย่างอิสระ 3.ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบยืดหยุ่น ที่ไม่ได้ผูกกรรมสิทธิ์การให้บริการไว้เฉพาะที่ Blendata แต่เป็นการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเปิด Open Formats ทำให้ผู้ใช้งานสามารถกู้คืนข้อมูลเดิม เจาะจงเนื้อหาได้ถึงระดับ Row สามารถโยกย้ายหรือปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์มใด และ 4.สามารถต่อยอดพัฒนาเป็น Data Warehouse หรือ Data Lake ได้ทันที สะดวกต่อการนำข้อมูลที่ถูกทิ้งร้างไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจในด้านอื่นๆ ได้อย่างครอบคลุม
“โซลูชัน Data Archiving ของเราถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าแค่การเก็บข้อมูล แต่พร้อมต่อยอดสำหรับการทำ Big Data ตอบรับธุรกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven) พร้อมระบบที่ออกแบบให้มีการเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัยและรัดกุมสูงสุด ด้วยการกำหนดสิทธิเข้าถึงข้อมูลตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน ทั้งยังสามารถตอบโจทย์ระเบียบข้อกำหนด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดให้ภาคธุรกิจต้องดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคอย่างรัดกุม โซลูชัน Data Archiving ตอบโจทย์ธุรกิจ ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น ธุรกิจการเงินและธนาคาร ประกันภัย โทรคมนาคม รีเทล อีคอมเมิรร์ซ ขนส่งและโลจิสติกส์” นายณัฐนภัส กล่าวทิ้งท้าย