xs
xsm
sm
md
lg

‘Samsung’ หวังครองตลาดสมาร์ทโฟนจอพับ หลังเปิดตัว Samsung Galaxy Z Fold3 - Flip3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทีเอ็ม โรห์ ประธานฝ่าย โมบาย คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์
ความท้าทายของซัมซุง (Samsung) ในยุคที่ผู้ผลิตมือถือทุกรายต่างประสบปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ต ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ลากยาวข้ามปีมา ส่งผลให้การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลากหลายซีรีส์ทำได้ยากขึ้น

แม้ว่าในภาพรวมความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด เนื่องจากถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในช่วงที่ไม่สามารถออกเดินทาง รวมถึงในกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มีอายุน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนของซัมซุง ลดลงเหลือ 18.8% กำลังถูกเสียวหมี่ (Xiaomi) ไล่กวดตามขึ้นมาด้วยส่วนแบ่ง 16.9% จากการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เข้าไปแทนที่ หัวเว่ย (Huawei) ที่โดนบีบให้ถอนตัวออกไป

ประกอบกับจุดโฟกัสของซัมซุง ในช่วงไตรมาส 3 คือการเปิดตัวแฟลกชิปในช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Samsung Galaxy Note ซีรีส์ เป็นแรงขับเคลื่อน ได้เปลี่ยนผ่านสู่การนำเสนอสมาร์ทโฟนจอพับ เข้ามาแทนที่ เพื่อจับกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ในปี 2021 นี้จะไม่มีการเปิดตัว Galaxy Note อีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันสมาร์ทโฟนแฟลกชิปของซัมซุง อย่าง Galaxy S21 ซีรีส์ ที่เปิดตัวไปในช่วงต้นปีก็รองรับความสามารถในการใช้ปากกา S Pen แล้ว รวมถึง Galaxy Z Fold3 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่นี้ด้วย


ข้อมูลจากบริษัทสำรวจ และวิจัยทางการตลาด คาดการณ์ว่า ในปี 2021 จะมีการจำหน่ายสมาร์ทโฟนจอพับมากกว่า 6.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว ซึ่งปัจจุบัน ซัมซุงถือเป็นผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จในกลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับ จากความสำเร็จของ Galaxy Z Flip และ Galaxy Z Fold2

ไบรอัน ชอย รองประธานอาวุโส และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาด กลุ่มธุรกิจโมบาย ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ชี้ใช้เห็นว่า สมาร์ทโฟนจอพับจะกลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มจำนวนผู้ใช้งานขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดจะกลายเป็นเมนสตรีม และเชื่อว่าทั้ง Galaxy Z Fold3 และ Flip3 จะช่วยให้ซัมซุงเติบโตในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 อย่างมีนัยสำคัญ


ขณะเดียวกัน ยังมีการสำรวจพบว่า ผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับจะมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มที่ใช้งาน Galaxy Z Fold ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหาร หรือนักธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือมาช่วยในการใช้งานสมาร์ทโฟนให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มผู้ชายในช่วงอายุ 35-44 ปี ที่มีสัดส่วนสูงถึง 75%

อีกกลุ่มคือผู้ที่ใช้งาน Galaxy Z Flip ที่เป็นสมาร์ทโฟนกึ่งแฟชัน เน้นความสวยงาม และความสะดวกในการพกพา จะเป็นกลุ่มผู้หญิงอายุ 24-44 ปี คิดเป็นสัดส่วนถึง 71% ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้นำเทรนด์ มีการนำไปใช้ในแง่ของโซเชียล และความบันเทิงเป็นหลัก


ดรูว์ แบล็กยาร์ด รองประธาน กลุ่มผลิตภัณฑ์โมบาย ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับจะมีความต้องการที่ชัดเจนมากๆ ในเรื่องของความต้องการจอที่มีขนาดใหญ่ รองรับการทำงานแบบมัลติเทสกิ้ง และเมื่อพับแล้วยังสามารถพกพาได้สะดวก

‘9 ใน 10 ของผู้ใช้ Galaxy Z Fold2 มีแผนที่จะซื้อสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่เป็นเครื่องถัดไป แสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบของกลุ่มผู้ใช้งานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ยิ่งทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนจอพับได้ง่ายขึ้นด้วย’

ด้วยความหวังของ ซัมซุง ที่ต้องการเติบโตสูงกว่าตลาด จึงทำให้ตั้งความหวังกับสมาร์ทโฟนจอพับทั้ง 2 รุ่นไว้สูง และเชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ใช้งานที่แต่เดิมใช้งานสมาร์ทโฟนควบคู่กับแท็บเล็ต หันมาใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับแทนที่รุ่นเดิม สอดคล้องกับเทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 91% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากอัตราเร่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมองหาอุปกรณ์ที่จะมาตอบสนองไลฟ์สไตล์นี้

นอกจากใช้งานเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่แล้ว Galaxy Z Fold3 ยังสามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอ เพื่อใช้งาน Samsung DeX ได้ไม่ต่างกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งสำหรับในกลุ่มผู้บริโภค การมีดีไวซ์เพียงเครื่องเดียวที่เก็บข้อมูล และพกพาติดตัวไปได้ทุกที่จึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

***ปรับปรุงจากความต้องการของผู้ใช้


ผู้บริหารซัมซุง ยังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนจอพับนั้น รับฟังเสียงของผู้บริโภคที่ใช้งานรุ่นก่อนหน้า ครอบคลุมใน 3 ส่วนสำคัญด้วยกัน คือเรื่องการเพิ่มความทนทานให้ตัวเครื่อง รองรับการใช้งานแบบ Multi-Tasking หรือการแบ่งหน้าจอใช้งานมากขึ้น และการเพิ่มความสามารถของหน้าจอให้รองรับ S Pen

เริ่มกันที่ความทนทาน ซึ่งถือเป็นความท้าทายของการพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับเป็นอย่างมาก ด้วยการที่ต้องออกแบบตัวเครื่องให้มีความบาง เมื่อพับแล้วเรียบสนิทให้มากที่สุด จึงทำให้เป็นโจทย์หินสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจอพับทุกราย

ใน Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ได้มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้งานมาเป็น Armor Aluminum ซึ่งถือเป็นอะลูมิเนียมชนิดที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันมาใช้ในส่วนของโครงเครื่อง ตามด้วยการเลือกใช้กระจกกันรอยอย่าง Gorilla Glass Victus ที่ทนทานต่อการตกกระแทก และรอยขีดข่วนภายนอก


ส่วนจอพับด้านในได้มีการเพิ่มความแข็งแรงด้วยการจัดเรียงหน้าจอรูปแบบใหม่ และเพิ่มชั้นฟิลม์เข้าไป ทำให้หน้าจอมีความแข็งแรงขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และที่สำคัญคือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมมาตรฐานทนน้ำระดับ IPX8 หรือกันน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร เป็นระยะเวลา 30 นาที

นวัตกรรมของจอยังไม่หมดแค่นี้ เพราะใน Galaxy Fold3 ยังมีการนำกล้องใต้หน้าจอมาใช้งาน ทำให้การแสดงผลของจอหลักไม่มีรูของกล้องมารบกวน ใช้งานได้เต็มตามากขึ้นขนาดหน้าจอของ Fold3 ยังคงขนาดไว้ที่ จอหลัก 7.6 นิ้ว และจอด้านนอก 6.2 นิ้ว โดยมีการปรับปรุงให้ทั้ง 2 จอรองรับอัตราการแสดงผลภาพ (Refresh Rate) สูงถึง 120 Hz เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของ Flip3 จอด้านในยังคงขนาดที่ 6.7 นิ้วเช่นเดิม แต่เพิ่มขนาดจอแสดงผลด้านนอกเป็น 1.9 นิ้ว ทำให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น


ต่อมาคือการแบ่งหน้าจอใช้งานแบบ Multi-Active Windows ที่สามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมกัน 2-3 แอป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยซัมซุง ได้ร่วมกับทั้งไมโครซอฟท์ และกูเกิลอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาแอปพลิเคชันหลักๆ ให้รองรับการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง

สำหรับ Galaxy Z Fold3 ยังได้เพิ่มความพิเศษเข้ามาคือหน้าจอหลักรองรับการใช้งาน S Pen ที่เป็นคีย์ฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟน Galaxy Note เดิม ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับจอพับที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจดบันทึก และมีโหมดการใช้งานที่สามารถวิดีโอคอลล์ไปพร้อมๆ กับการจดบันทึกได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม S Pen ที่ใช้งานบนหน้าจอ Z Fold3 จะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ทำให้ไม่สามารถนำปากกา S Pen จากรุ่นเดิมมาใช้งานได้ และรองรับการใช้งาน S Pen เฉพาะหน้าจอหลักเท่านั้น ส่วนจอภายนอกไม่สามารถใช้งานได้

***ปรับราคาให้อยู่ในระดับแฟลกชิป


อีกจุดที่ซัมซุง มีการเปลี่ยนแปลงในการเปิดตัว 2 สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่นี้ คือการปรับราคาลดลงหลักหมื่นบาท โดยในรุ่น Galaxy Z Flip3 เริ่มต้นที่ 34,900 บาท เมื่อเทียบกับ Galaxy Z Flip เปิดราคาที่ 44,900 บาท ถือว่าลดลงมา 10,000 บาท


ในขณะที่ Galaxy Z Fold3 เปิดราคาอยู่ที่ 57,900 บาท สำหรับรุ่น RAM 12 GB ROM 256 GB เมื่อเทียบกับ Galaxy Z Fold2 เปิดตัวมาที่ 69,900 บาท ถือว่าปรับลงมาถึง 12,000 บาท ส่วนราคารุ่นท็อปสุด RAM 12 GB ROM 512 GB จะอยู่ที่ 61,900 บาท

ส่งผลให้ระดับราคาของ Z Flip3 ยังอยู่ในช่วงระดับราคาของแฟลกชิปสมาร์ทโฟน เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในท้องตลาด ส่วน Z Fold3 ก็จะขยับเพิ่มขึ้นมา และจะกลายเป็นระดับราคามาตรฐานของแฟลกชิปสมาร์ทโฟนจอพับจากแบรนด์อื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต


ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง Z Fold3 และ Z Flip3 เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อซื้อพร้อมแพกเกจจากโอเปอเรเตอร์ ที่ผลักดันให้ลูกค้าใช้งานเครือข่าย 5G ในปัจจุบัน ยิ่งทำให้ราคาของทั้ง 2 เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน

ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทย จากที่ซัมซุงมีการเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าก่อนงานเปิดตัว รวมถึงภายหลังงานเปิดตัวก็เปิดช่องทางให้พรีออเดอร์เพิ่มเติมได้ทันที โดยมีกำหนดส่งมอบเครื่องในวันที่ 2 กันยายน 2564

***เสริมตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ และหูฟังตัดเสียงรบกวน


นอกจากสมาร์ทโฟนจอพับทั้ง 2 รุ่นแล้ว ซัมซุง ยังได้เปิดตัว Samsung Galaxy Watch 4 ซึ่งถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกหลังจากซัมซุง ทำงานร่วมกับกูเกิล ในการนำระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทวอทช์อย่าง wearOS มาใช้งาน ภายในอีโคซิสเต็มของซัมซุง

ส่งผลให้ Galaxy Watch 4 สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน หูฟัง และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ และในขณะเดียวกัน ซัมซุง ยังได้เพิ่มเซ็นเซอร์ในการวัดความดันโลหิตเพิ่มเข้ามา ทำให้ Watch 4 สามารถคำนวณมวลร่างกายได้ เหมาะกับในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความใส่ใจกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับราคาเริ่มต้นของ Galaxy Watch4 อยู่ที่ 7,990 บาท

ในส่วนของหูฟัง Galaxy Buds 2 นับเป็นรุ่นต่อยอดของหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนระดับเริ่มต้นของซัมซุง ด้วยการนำเสนอหูฟังแบบ In-Ears ที่นำแมชชีนเลิร์นนิ่งมาช่วยในการตัดเสียงรบกวน มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ทำให้สามารถสวมใส่ได้นาน ใช้งานได้ต่อเนื่องกว่า 5 ชั่วโมง เมื่อรวบกับแบตเตอรี่ในเคสชาร์จจะใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง โดยซัมซุงเปิดราคาที่ 3,990 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น