ไปรษณีย์ไทย ใช้พื้นที่โรงเรียนการไปรษณีย์หลักสี่ เปลี่ยนเป็น ‘ศูนย์พักคอย’ รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่มาก หรือไม่รุนแรง 118 เตียง ดูแลในเบื้องต้น รับวิกฤตเตียงขาดแคลน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า เพื่อบรรเทาผลกระทบ ไปรษณีย์ไทยจึงได้ร่วมกับสำนักงานเขตหลักสี่ ปรับปรุงพื้นที่ของโรงเรียนการไปรษณีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีบริเวณ เป็นสัดส่วนเฉพาะ และปัจจุบันไม่ได้ใช้ในการเรียนการสอน เพื่อเปิดเป็น ”ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ” สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่รุนแรง เพื่อแยกผู้ป่วยออกมาจากที่พักอาศัย นำมาพักคอยที่ศูนย์ฯ และรอการนำส่งต่อไปรักษาที่สถานพยาบาล
โดยมีทีมพยาบาลคอยดูแล พร้อมเวชภัณฑ์ที่จำเป็นและอาหารสำหรับผู้ป่วย ศูนย์แห่งนี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 118 เตียง ซึ่งจะแบ่งเป็นผู้ป่วยหญิงและผู้ป่วยชายแยกออกจากกัน อีกทั้งยังมีพื้นที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่ และจุดที่เก็บเวชภัณฑ์/ยา โดยมีกำหนดเปิดรับผู้ป่วยได้ในวันนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้ง “ศูนย์พักคอย” อาจสร้างความกังวลให้ชุมชนโดยรอบ ซึ่งประเด็นดังกล่าวสำนักงานเขตหลักสี่ได้จัดเตรียมมาตรการป้องกันในพื้นที่รอบศูนย์พักคอยอย่างเข้มงวดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการกั้นพื้นที่รอบอาคารไม่ให้มีการเข้าออก ยกเว้นผู้เกี่ยวข้อง ผ่านการขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไปรษณีย์ไทย ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหลักสี่
ส่วนในด้านการรองรับผู้ป่วย จะรองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่มากหรือไม่รุนแรง ให้ได้พักอาศัยระหว่างกักตัวตามมาตรการควบคุมก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษาทางการแพทย์โดยเร็วต่อไป
หากเสร็จสิ้นภารกิจในการจัดทำศูนย์พักคอยแล้ว จะทำความสะอาดและพ่นน้ำยากำจัดเชื้อโรคทั่วทั้งอาคารให้อยู่ในสภาพเดิม รวมถึงจะดูแลบำบัดน้ำเสียและจัดการเก็บขยะติดเชื้อทั้งหมดก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง
ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่นอกเหนือจากการเร่งเปิดพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์พักคอยแล้ว ยังจะสนับสนุนการจัดหาและส่งสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์ให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความช่วยเหลือในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ภาคสาธารณสุขรับมือกับการระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจให้ภาคส่วนประชาชน ในการมีที่พักพิงและขอเข้ารับความช่วยเหลือเพื่อรักษาอาการ และลดปัญหาการติดเชื้อสู่ครัวเรือน จากการรอคอยเตียงที่บ้านให้ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาทางการแพทย์โดยเร็วต่อไป