DGA เปิดแผนงานบิ๊ก ดาต้า สร้างมาตรฐานการทำข้อมูลให้หน่วยงานรัฐเสร็จแล้ว พร้อมเดินหน้าทำงานแบบสตาร์ทอัป กำหนดการบูรณาการและเปิดข้อมูล เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อกำหนดเจ้าภาพชัดเจน เสร็จก่อนทำก่อนให้ใช้งานบิ๊ก ดาต้า ได้เร็วที่สุด เตรียมจัดงานวิชาการนานาชาติหวังแลกเปลี่ยนความรู้และผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาครัฐ นำมาต่อยอดในการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล
นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานได้ดำเนินการสร้างแพลตฟอร์มมาตรฐานกลางในการทำข้อมูลดิจิทัลเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีคุณภาพและสามารถนำมาใช้งานระหว่างหน่วยงานได้ นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้าให้ความรู้แก่บุคลากรกระทรวงต่างๆ กว่า 20 กระทรวง เกี่ยวกับการจัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่ และมีแผนอย่างต่อเนื่องในการให้ความรู้บุคลากรทุกหน่วยงานในการสร้างมาตรฐานด้านข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ผ่านระบบการอบรมแบบออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ ความสำคัญของการนำข้อมูลไปใช้นั้น ข้อมูลจำเป็นต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ อีกทั้งต้องจัดเก็บภายใต้มาตรฐานเดียวกัน จึงจะเป็นข้อมูลที่นำไปเปิดให้หน่วยงานหรือประชาชนใช้งานร่วมกันได้ จากสถานการณ์ COVID-19 ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีในการทำงานของภาครัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมการรับมือ กับสถานการณ์ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเป็นสื่อกลางในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
การพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อฝ่ายนโยบายในการกำหนดนโยบาย ทิศทาง แผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำช่วยให้การตัดสินใจในเชิงนโยบายทันต่อสถานการณ์สำคัญ และเป็นปัจจุบัน (Realtime) โดยสิ่งสำคัญที่สุดทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว
นายสุพจน์ กล่าวว่า สำนักงานกำลังเตรียมปรับแผนงานการนำบิ๊ก ดาต้าไปใช้งาน โดยจะเริ่มจากความสำคัญของการใช้งานเป็นหลักด้วยการแบ่งหมวดหมู่ของอุตสาหกรรม หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้งาน เช่น ภาคการเกษตร การศึกษา เอสเอ็มอี จากนั้นจึงมาวิเคราะห์ว่าในกลุ่มดังกล่าวต้องการให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลร่วมกันอย่างไรบ้าง เพื่อกำหนดเจ้าภาพในการดำเนินการ เช่น ภาคการเกษตร มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพ เป็นต้น โดยสำนักงานจะเน้นการทำงานแบบสตาร์ทอัป ข้อมูลไหนเสร็จก่อน พร้อมก่อน เราต้องเร่งบูรณาการและเปิดข้อมูลให้ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องรอเสร็จพร้อมกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญของการเป็นรัฐบาลดิจิทัลคือองค์ความรู้ ดังนั้น สำนักงานจึงได้จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาครัฐ
The International Conference on Digital Government Technology and Innovation (DGTI-Con 2021) เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาครัฐ (Digital Government) รวมทั้งเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาครัฐระหว่างนักวิจัย นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานวิจัย บทความทาง วิชาการด้านต่างๆ ระหว่างกันโดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม 2564 ในรูปแบบ LIVE ผ่านทางเพจ Facebook และ YouTube DGA Thailand (https://www.facebook.com/DGAThailand https://www.youtube.com/c/DGAThailand)
การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีสากลในการนำเสนอผลงานวิชาการและผลงานวิจัย อันเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นผลงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีใน 5 สาขาดังนี้ 1.เทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์ (Technology for Public Sector) 2.การเกษตรและความยั่งยืน (Agricultural and Sustainability) 3.การบริการและสวัสดิการสังคม (Services and Welfare) 4.วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium-sized Enterprises SME) 5.การศึกษายุคดิจิทัล (Smart Education) เพื่อผลักดันให้เกิดการต่อยอดผลงานวิจัย และนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในงานบริการของภาครัฐ โดยมีเป้าหมายในการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ครบวงจร และรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ความพิเศษของงานนี้คือ ผลงานวิจัยหรือบทความวิชาการที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จะได้รับการเชิญให้เข้าร่วมนำเสนอผลงานในงานประชุมวิชาการนานาชาตินี้ และนำไปเผยแพร่ลงในฐานข้อมูลนานาชาติของ Institute of Electrical and Electronics Engineers (IEEE) รวมทั้งผลงานที่ผ่านการคัดเลือกบางส่วนจะได้รับโอกาสในการเผยแพร่และตีพิมพ์ใน Journal of Intelligent Informatics and Smart Technology อีกด้วย โดยสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงาน นักวิจัย นักวิชาการ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่สนใจสามารถร่วมส่งบทความวิจัยได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 และได้รับแจ้งผลการพิจารณาภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2564”