xs
xsm
sm
md
lg

เอเซอร์พ้นโคม่า ไร้พิษขาดตลาด (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจสัน เฉิน ประธานและซีอีโอ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
ปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว! เอเซอร์ (Acer) ย้ำสถานการณ์ดีขึ้นจนสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในงานใหญ่ประจำปี Next@Acer 2021 ไร้พิษโรคเลื่อน ยืนยันเที่ยวนี้สินค้าที่ขาดตลาดส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นทั่วไปที่ขายอยู่แล้วในตลาด ไม่กระทบต่อการเปิดตัวและการจัดจำหน่ายสินค้ารุ่นใหม่ซึ่งจะเปิดตัวเป็นแพลตฟอร์มคนละแบบกับสินค้าเดิมที่ขายอยู่

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จำกัด แสดงความมั่นใจว่าในช่วงนับจากนี้ สินค้าที่เอเซอร์เน้นจะยังเป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์พกพา หรือโน้ตบุ๊กเช่นเดิม เนื่องจากบริษัทมีนวัตกรรมใหม่ และรูปลักษณ์ของสินค้าใหม่ในกลุ่มโน้ตบุ๊กออกมามากขึ้นอีก โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่  Spacialab ที่พัฒนามากกว่า 3D แบบดั้งเดิม

Spacialab ถูกเปิดตัวในงาน Next@Acer 2021 งานใหญ่ประจำปีที่เอเซอร์ใช้เป็นเวทีเปิดตัวสินค้าหลายรุ่นในระดับโลก ก่อนจะยกมาเปิดตัวในประเทศไทยช่วงเดือนมิถุนายน กำหนดการนี้เคยถูกสั่นคลอนเมื่อปีที่แล้วเพราะเอเซอร์ถูกพิษดีเลย์จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวสินค้าในไทยเป็นปลายเดือนพฤศจิกายน 63 จนต้องเร่งนำสินค้าเข้าไทยให้ทันพร้อมจำหน่ายช่วงธันวาคมในปีนั้น

***ปีนี้ ‘เอเซอร์’ ฉลุย

ก่อนงาน Next@Acer 2021 เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เอเซอร์เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 64 ว่ามีรายได้รวม 71,560 ล้านเหรียญไต้หวัน เพิ่มขึ้น 46.5% เมื่อเทียบปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้สุทธิ ทะลุหลัก 2,740 ล้านเหรียญไต้หวันหรือประมาณ 3,093 ล้านบาท ทำสถิติเป็นรายได้ประจำไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8,310 ล้านเหรียญไต้หวัน เพิ่มขึ้น 67.9% โดยมีอัตรากำไรหรือมาร์จิ้น 11.6% ทำสถิติมาร์จิ้นในไตรมาสที่ 1 ที่สูงเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขสวยงามนี้เป็นผลจากตลาดแล็ปท็อปที่คาดว่าจะมียอดจัดส่งสูงถึง 62 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 ของปี 2564 การเติบโตนี้เป็นเพราะความต้องการเครื่องเพื่อการศึกษาหรือเล่นเกมในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยการสำรวจพบว่าเอเซอร์ เอซุส (Asus) และเอชพี (HP) คือ 3 แบรนด์ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา

สำนักดิจิไทมส์ (DigiTimes) วิเคราะห์ว่าในยุคโควิด-19 ตลาดโครมบุ๊ก (Chromebook) หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการโครมโอเอส (Chrome OS) นั้นได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นในหมู่นักเรียนนักศึกษา แถมช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีก็มักเป็นฤดูกาลซื้ออุปกรณ์การเรียนที่พีคมากที่สุด ทำให้หนึ่งในสีสันของงาน Next@Acer 2021 อยู่ที่ Chromebook ด้วย

TravelMate Spin
ขณะเดียวกัน การเติบโตของแบรนด์จีนอย่างเลอโนโว (Lenovo) อาจหดตัวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในบางตลาด พร้อมกับที่แอปเปิล (Apple) เทโฟกัสไปอยู่ที่ไอแมค (iMac) แมคอินทอชตั้งโต๊ะและไอแพดโปร (iPad Pro) ใหม่ รวมถึงเดลล์ (Dell) ที่คาดว่าจะเน้นภาคองค์กรเป็นหลัก ทั้งหมดนี้บีบให้เอเซอร์ต้องพยายามสร้างจุดต่างให้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างอัสซุสที่ฟัดเหวี่ยงกันอย่างหนักในตลาด Chromebook และเกม ท่ามกลางซัมซุง (Samsung) ที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ดีในตลาดโน้ตบุ๊ก หลังจากให้ความสำคัญกับรุ่นล่าสุดอย่างจริงจังมากขึ้น

***จุดต่างที่ไม่เคยทำ

เอเซอร์ส่งสัญญาณตอกย้ำกับมวลชนมาตลอดว่ากำลังสร้างโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อขยับให้เอเซอร์เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ซึ่งโฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่บริษัทไม่เคยทำมาก่อน

ความมุ่งมั่นนี้เห็นได้ชัดจากงาน Next@Acer 2021 ซึ่งแจ้งเกิดกองทัพสินค้ากลุ่มล่าสุดที่บริษัทเตรียมไว้ทำตลาดช่วง 12 เดือนนับจากนี้ ขุนพลดาวเด่นของทัพหน้าเอเซอร์ไม่เพียงประกอบด้วยแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมรุ่นใหม่ แต่ยังมีเวิร์กสเตชันสำหรับครีเอเตอร์ผู้สร้างงานกราฟิก จอภาพ เดสก์ท็อป โน้ตบุ๊กตระกูล Chromebook, Swifts และ Travelmates รวมถึงมุมใหม่อย่าง ‘ความยั่งยืน’ มาแทรกด้วย

เจสัน เฉิน ประธานและซีอีโอ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ประกาศในงานว่าเอเซอร์ได้เข้าร่วมโครงการ RE100 และให้คำมั่นว่าจะบรรลุการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี พ.ศ.2578 เบื้องต้นเอเซอร์เปิดตัว Aspire Vero โดยเรียกเป็น ‘ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน’ ตัวแรกของบริษัท ซึ่งมีปุ่มกดที่ใช้วัสดุพลาสติกรีไซเคิล (PCR) แบบผ่านการใช้งานมาแล้วในสัดส่วน 50% รวมถึงพื้นผิวอื่นทั้งฝาปิดด้านบนและด้านล่าง ขอบเครื่อง และพื้นผิวเครื่องซึ่งเป็นพลาสติก PCR 30%

เอเซอร์ไม่ใช่บริษัทแรกที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ตัวอย่างเช่นสายผลิตภัณฑ์ Elite Dragonfly ของเอชพีที่มีพลาสติก PCR เป็นวัสดุผลิตกล่องลำโพงและขอบเครื่อง แต่ต้องยอมรับว่า Vero เป็นแล็ปท็อปเครื่องแรกที่โฟกัสเรื่องความยั่งยืนโดยเฉพาะ ทั้งตัวกล่องที่ทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล กระเป๋าแล็ปท็อปที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล กราฟิกที่พิมพ์ด้วยหมึกถั่วเหลือง และข้อความกลับด้านบนปุ่ม R และ E เพื่อเน้นถึงการรีดิวซ์ รียูส และรีไซเคิล

ConceptD-5-Pro
เอเซอร์มองว่า Vero ไม่เพียงเป็นก้าวที่พาบริษัทไปสู่คำมั่นสัญญาด้านความยั่งยืน แต่ Vero ยังเป็นก้าวสำคัญของตลาดเพราะ Vero เป็นผลิตภัณฑ์แรกในอุตสาหกรรม ในอนาคตบริษัทเปิดรับความเป็นไปได้ในการใส่วัสดุรีไซเคิลเหล่านี้ลงในสายการผลิตแล็ปท็อปอื่นของเอเซอร์ แต่จะเป็นโครงการระยะยาว หลังจากที่ Vero นำร่องจำหน่ายในระดับภูมิภาค

***บุกเบิกจอ 3 มิติใหม่

อีกการประกาศที่ยิ่งใหญ่ของเอเซอร์ในงานนี้คือ ‘สแปเทียลแล็ปส์’ (SpatialLabs) เทคโนโลยีที่ช่วยให้แล็ปท็อปตระกูลคอนเซ็ปต์ดี (ConceptD) ของเอเซอร์สามารถนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบสามมิติโดยไม่ต้องใช้แว่นตาใดๆ เทคโนโลยีนี้จะใช้ระบบติดตามดวงตา คู่กับเทคโนโลยีการเรนเดอร์ภาพแบบเรียลไทม์ และการแสดงผลแบบเลนส์

อย่างไรก็ตาม SpatialLabs ยังมีข้อจำกัด สามารถใช้ได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น รวมถึงไม่สามารถใช้งานในที่แสงจ้าได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีฮาร์ดแวร์สเปกสูงมาก เช่น เครื่องที่ใช้ชิป 8 คอร์ Core i7-10875H และชิปกราฟิก Nvidia Quadro RTX 3000 ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม การใช้งาน SpatialLabs ในปัจจุบันยังอยู่ในวงที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง เพราะศิลปินและนักออกแบบหลายคนที่ทำงานกับ 3D ขณะนี้ยังคงสร้างงานสำหรับผู้ชมที่ไม่มี SpatialLabs และยังคงดูภาพในระบบ 2 มิติ ดังนั้น เทคโนโลยี SpatialLabs จะเน้นช่วยผู้ที่กำลังพัฒนา VR หรือ 3D TV เป็นหลัก

Acer-Chromebook-Enterprise
แม้ฐานผู้ใช้เริ่มต้นจะมีขนาดเล็ก แต่เอเซอร์มั่นใจว่าตลาดจะเติบโตขึ้น ซึ่งในขณะที่ SpatialLabs จะนำร่องก่อนบนแล็ปท็อป ConceptD แต่ก็คาดว่าจะได้เห็นในสินค้ากลุ่มออลอินวัน (all-in-one) ของเอเซอร์ในอนาคตเช่นกัน

***เกมต้องว้าว

ในประเด็นโน้ตบุ๊กเกม ผู้บริหารเอเซอร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่าคอมพิวเตอร์ตระกูลพรีเดเตอร์ (Predator) หลายรุ่นของบริษัทที่มีสเปกเทพอย่าง Predator 21X ซึ่งเป็นอุปกรณ์เล่นเกมราคากว่า 3 แสนบาทที่มาพร้อมชิปกราฟิก 2 ตัว พัดลม 5 ตัวและหน้าจอโค้ง 21 นิ้วนั้นไม่ได้ทำเงินมากมายให้แบรนด์ เพราะผลิตและขายได้เพียง 300 เครื่องเท่านั้น แต่สิ่งที่บริษัทได้รับคืออิมแพกต์ที่เรียกความ ‘ว้าว’ จากผู้บริโภค ทำให้เอเซอร์เป็นแบรนด์ที่มีนวัตกรรมและสนุก กลายเป็นผลดีต่อแบรนด์โดยที่เอเซอร์ไม่ได้พยายามขายสินค้าให้ได้หลายพันเครื่อง

สำหรับปีนี้ เอเซอร์แจ้งเกิดรุ่นใหม่ Predator Triton 500 SE ในฐานะโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมที่สเปกแรงพิเศษด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core i9 รุ่นที่ 11 กราฟิก NVIDIA GeForce RTX 3080 และแรม DDR4 3200 MHz สูงสุด 64 GB แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง และมีจอแสดงผล 16:10 ขนาด 16 นิ้ว พร้อมตัวเลือกแผงจอแสดงผลสามแบบ หนึ่งในนั้นคือจอแสดงผล 165 Hz WQXGA LCD กำหนดการจำหน่ายในเดือนมิถุนายนเริ่มต้นที่ 1,750 ดอลลาร์ (ราว 54,000 บาท)

PREDATOR-TRITON 500 SE
ไม่เพียงเกม เอเซอร์ยังออก Acer Chromebook Spin 713 และ Enterprise Spin ซึ่งถูกการันตีเป็น Chomebook รุ่นแรกของโลกมาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 รุ่นที่ 11 Acer Chromebook Spin 713 มีพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต และจอแสดงผล VertiView 13.5 นิ้ว โดยจะวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน เริ่มต้นที่ 700 เหรียญสหรัฐ (ราว 21,000 บาท) ทั้งหมดยังไม่มีการประกาศราคาไทยในขณะนี้

อนาคตของเอเซอร์มีความเป็นไปได้สูงว่าจะดูไม่เหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่คอมพิวเตอร์รายอื่น เพราะเอเซอร์กำลังปรับตัวเองไปสู่ ‘แบรนด์ไลฟ์สไตล์’ ในด้านที่หลากหลาย เห็นได้ชัดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังที่เอเซอร์กำลังจะเปิดตลาดในไทยเร็ววันนี้ แต่อย่างน้อย งานนี้เห็นได้ชัดว่าเอเซอร์ยกให้ตัวเองเป็นแบรนด์ที่บุกเบิกตลาดหน้าจอแล็ปท็อป 3 มิติ รวมถึงการพร้อมรบในตลาดแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมที่ตอบโจทย์และมีสไตล์ และล่าสุดคือการขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตโน้ตบุ๊กที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีโอกาสสูงที่ผู้ผลิตแล็ปท็อปทั่วโลกจะเดินตาม

เอเซอร์ในวันพ้นโคม่าและสร่างพิษไข้สินค้าขาดตลาด จึงมีแนวโน้ม ‘ฉลุย’ ต่อไปอีกนาน


กำลังโหลดความคิดเห็น