SHOPLINE เปิดตัวโซลูชันการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซ และโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจรครั้งแรกในไทย ตั้งเป้าสิ้นปีลูกค้าใช้บริการ 3,000 ร้านค้า
นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย SHOPLINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า SHOPLINE เป็นผู้ให้บริการร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูปเพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างเพจในแบรนด์ของตนเองได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีระบบการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร ที่ช่วยผู้ประกอบการทั้งที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs ให้ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ตลาดดิจิทัล โดยรูปแบบบริษัทมาจากฮ่องกง มีบริการอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม จีน สิงคโปร์ และประเทศไทยซึ่งเปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
จุดเด่นของ SHOPLINE ไม่ได้มีแค่การนำเสนอบริการที่ครบวงจรเท่านั้น แต่มาพร้อมโซลูชันที่ออกแบบและพัฒนามาเพื่อคนไทย โดยก่อนเปิดให้บริการในประเทศไทย SHOPLINE ได้ทำการวิจัยตลาดและเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาโซลูชันการใช้งานอย่างต่อเนื่องกว่า 9 เดือน โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เพื่อเป้าหมายการสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการและนักชอปชาวไทยได้อย่างแท้จริง
ทำให้เวลานี้ SHOPLINE สามารถให้บริการแบบครบวงจรเจ้าแรกในประเทศไทย ที่มีทั้งโซลูชันบนบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์ให้สามารถใช้งานได้ง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดออกไปได้กว้างมากขึ้นในโลกออนไลน์ เพื่อนำไปสู่โอกาสการสร้างยอดขายที่เติบโตขึ้นในที่สุด
สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นตามเทรนด์ของตลาดโลก โดยปีที่ผ่านมา ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดคิดเป็นมูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 270,000 ล้านบาท (ข้อมูลวิจัย 'เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563' จาก Google, Temasek และ Bain & Company) โดยมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และหันมาชอปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอยู่บนออนไลน์มากขึ้น จึงเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในระยะข้างหน้าเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
จากเทรนด์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น แต่หากมองลึกไปกว่านั้นกลับพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการจำนวนมากยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางธุรกิจในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านทรัพยากร งบประมาณ และความรู้ด้านเทคโนโลยี
'ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ SHOPLINE จะเข้ามาเติมเต็มและเสริมศักยภาพด้วยโซลูชันการจัดการร้านค้าออนไลน์บนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซที่จะตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างลงตัว เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถปลดล็อกและก้าวข้ามทุกขีดจำกัดได้'
สำหรับบริการของ SHOPLINE ประกอบด้วย 1.E-commerce Solution หรือระบบการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นหรือปรับปรุงการจัดการของร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซให้สะดวกรวดเร็ว โดยบริการนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การเปิดร้านค้าออนไลน์และระบบจัดการหลังบ้าน ได้แก่ โซลูชันการสร้างเว็บไซต์สำหรับร้านค้าที่รองรับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมด้วยระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ ทั้งระบบการจัดการออเดอร์ การจัดการสต๊อกสินค้า การชำระเงิน การทำระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ CRM เครื่องมือทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลและตัวติดตามทางการตลาดเพื่อช่วยด้านการเพิ่มยอดขาย ที่สามารถเชื่อมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ เช่น Google, Facebook, LINE OA และอื่นๆ ที่รองรับการใช้งานได้มากกว่า 18 สกุลเงิน และมีตัวเลือกหลายภาษาสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ
2.Social commerce Solution หรือระบบการจัดการร้านค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากมาย เช่น Shopline Live App ระบบตัวช่วยแม่ค้าออนไลน์ในการ live-streaming ขายสินค้าแบบครบวงจรที่สามารถช่วยจัดการออเดอร์ ตอบกลับลูกค้า และระบบการชำระเงิน อีกทั้งระบบการจัดการข้อความจากลูกค้า โดยมี Chatbot เพื่อการตั้งค่าคำถามที่ถูกถามบ่อย โดยสามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้
ทั้งนี้ ในโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 SHOPLINE จึงเสนอค่าบริการด้วยแพกเกจ E-commerce รายเดือนอยู่ที่ 599 บาท ส่วนรายปี 4,999 บาท แพกเกจ Social commerce ราคารายเดือนอยู่ที่ 599 บาท ส่วนรายปีที่ 4,999 บาท และสุดท้ายเป็นแพกเกจในแบบ ALL in One ราคารายเดือนเริ่มต้นที่ 1,199 บาท และรายปีที่ 7,999 บาท โดยตั้งเป้ามีลูกค้า 3,000 ร้านค้าภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะเป็นลูกค้า SMEs สนใจ 70% ที่เหลือเป็นลูกค้าองค์กร และคาดว่าน่าจะเลือกแพกเกจ ALL in One ประมาณ 60% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด