xs
xsm
sm
md
lg

Rocket Lake-S มาแล้ว! อินเทล คอร์ เจเนอเรชันที่ 11 คอร์น้อยลง ราคาแพงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อินเทลลดจำนวนคอร์ในชิป Intel Core i Gen 11 ลงเหลือ 8 คอร์ จาก 10 คอร์ที่เคยใช้ใน Intel Core i Gen 10
อินเทล (Intel) ลุย 3 เซกเมนต์ผ่านการเปิดตัวโปรเซสเซอร์อินเทลคอร์ (Intel Core) ซีรีส์ S เจเนอเรชันที่ 11 โค้ดเนม “ร็อกเก็ตเลค-เอส” (Rocket Lake-S) เจาะฐานผู้ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วโลกที่เล่นเกม-นักโอเวอร์คล็อก-กลุ่มผู้ใช้งานสื่อและสตรีมมิ่งที่ยาวนาน การันตีรุ่นท็อป Intel Core i9-11900K เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.3GHz ทำให้สามารถส่งมอบประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์แก่เหล่าเกมเมอร์และผู้หลงใหลในเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอย่างจับต้องได้ ท่ามกลางจุดสังเกตใหญ่ว่าชิปใหม่มีคอร์น้อยลงแต่ขายแพงขึ้น

หลังจากที่มีข่าวว่า บริษัทอินเทล (Intel Corp) ได้เพิ่มการลงทุนในโรงงานของบริษัทที่นครโฮจิมินห์ของเวียดนามอีก 475 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีและเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ 5G และโปรเซสเซอร์ของบริษัท ล่าสุด อินเทลเปิดตัวชิปใหม่ Intel Core ซีรีส์ S เจเนอเรชันที่ 11 โดยระบุว่าสร้างสรรค์ขึ้นจากสถาปัตยกรรม Cypress Cove แบบใหม่ ตัวโปรเซสเซอร์ถูกออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งยกระดับสมรรถนะการเล่นเกมได้อย่างสะใจ สถาปัตยกรรมใหม่ดังกล่าวได้ปรับปรุงให้รุ่นท็อป (คอร์ที่มีความถี่สูงสุด) สามารถรับชุดคำสั่งต่อรอบ (Instructions per cycle: IPC) เพิ่มสูงสุดได้ถึง 19% เทียบกับเจเนอเรชันก่อนหน้า

Rocket Lake-S ถูกแจ้งเกิดในช่วง 5 เดือนหลังจากที่ เอเอ็มดี (AMD) ส่ง Ryzen 5000 ออกมาท้าชน Comet Lake หรือชิปอินเทลเจเนอเรชัน 10 จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอินเทลลดจำนวนคอร์ในชิปเจนฯ 11 ลงเหลือ 8 คอร์ จาก 10 คอร์ที่เคยใช้ในเจนฯ 10 แต่วางจำหน่ายในราคาสูงกว่า อินเทลยังไม่ออกมาให้ความเห็นในจุดนี้ แต่ในแถลงการณ์มั่นใจถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้น รอบนี้อินเทลปรับเพิ่มกราฟิก Intel UHD ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมกราฟิก Intel Xe เพื่อความสามารถด้านริชมีเดียและกราฟิกที่ชาญฉลาด ทั้งนี้ เนื่องจากเกมและแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาคอร์ประมวลผลที่มีความถี่สูง เพื่อขับเคลื่อนอัตราเฟรมที่สูงขึ้นและลดความหน่วงให้ต่ำลง 

Rocket Lake-S ถูกแจ้งเกิดในช่วง 5 เดือนหลังจากที่เอเอ็มดี (AMD) ส่ง Ryzen 5000 ออกมาท้าชน Comet Lake หรือชิปอินเทลเจเนอเรชันที่ 10
หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของชิปใหม่อินเทลคือผู้เล่นเกม เพราะอินเทลระบุว่า Rocket Lake-S เป็นโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป เจเนอเรชันที่ 11 รุ่นใหม่ที่อินเทลยังคงผลักดันขีดสมรรถนะของการเล่นเกมบนเดสก์ท็อป และส่งมอบประสบการณ์ที่สมจริงอันน่าทึ่งให้แก่เกมเมอร์ทุกคน โดยอินเทลมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับนักพัฒนาเกม 200 ราย เพื่อให้แอปพลิเคชันเกมสามารถใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ Intel Core ซีรีส์ S เจเนอเรชันที่ 11 ได้เต็มที่ทั้งในตัวเกม เอ็นจิน มิดเดิลแวร์ และการเรนเดอร์

รุ่นท็อปอย่างรุ่น i9-11900K จะผสมผสานประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วยความถี่สูงสุด 5.3GHz พร้อมจำนวนคอร์สูงถึง 8 คอร์ 16 เธรด และ Intel Smart Cache จำนวน 16 MB สำหรับรุ่นที่โอเวอร์คล็อกปลดล็อกแล้ว จะสามารถรองรับหน่วยความจำความเร็วสูงด้วย DDR4-3200 เพื่อช่วยให้สามารถเล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น และทำงานหลายอย่างพร้อมกันบนแพลตฟอร์มนี้ได้อย่างไม่มีสะดุด

นอกจากปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มสูงสุด 19% เมื่อเทียบกับเจเนอเรชันก่อนหน้า และการเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิก 50% ด้วยกราฟิก Intel UHD ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมกราฟิก Intel Xe อินเทลระบุว่า โปรเซสเซอร์ Intel Core ในเจเนอเรชันที่ 11 จะปรับปรุงคุณสมบัติ Intel Deep Learning Boost และรองรับ Vector Neural Network Instructions เพื่อเร่งการอนุมานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเวิร์กโหลดการเรียนรู้เชิงลึกได้อย่างมาก และมีการยกระดับเครื่องมือและคุณสมบัติการโอเวอร์คล็อก เพื่อประสิทธิภาพและประสบการณ์ในการโอเวอร์คล็อกและการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นด้วย

ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าบริษัทอินเทล (Intel Corp) ได้เพิ่มการลงทุนในโรงงานของบริษัทที่นครโฮจิมินห์ของเวียดนามอีก 475 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีและเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ 5G และโปรเซสเซอร์ของบริษัท
อีกจุดขายสำคัญที่อินเทลเน้นคือ การปรับแต่งและความเสถียรที่เหนือชั้น เพราะโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจเนอเรชันที่ 11 นำเสนอเครื่องมือและคุณสมบัติใหม่ในการโอเวอร์คล็อกสำหรับการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้ได้ความเร็วและประสิทธิภาพของเกมที่เหนือกว่า โปรเซสเซอร์เจเนอเรชันนี้ผนวกรวมคุณสมบัติในการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำแบบเรียลไทม์ ทำให้เปิดใช้การเปลี่ยนแปลงความถี่ DDR4 ได้เรียลไทม์ ขยายการรองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำสำหรับชิปเซ็ต H570 และ B560 ทำให้ผู้ใช้งานอินเทลอีกหลายรายได้สัมผัสประสบการณ์โอเวอร์คล็อก และ Advanced Vector Extensions (AVX) 2 และ AVX-512 เพื่อการโอเวอร์ไรด์การ์ดแบนด์ (Guard-band override) ของแรงดันไฟฟ้า รวมถึงคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำในตัวแบบใหม่หมดที่มี Timing ที่กว้างขึ้นและรองรับ Gear 2 (เพิ่มเติมจากการรองรับ Gear 1)

Rocket Lake-S ยังตอบโจทย์การใช้งานสื่อและสตรีมมิ่งที่ยาวนาน เพราะโปรเซสเซอร์ Intel Core ซีรีส์ S เจเนอเรชันที่ 11 ไม่เพียงสามารถมอบประสบการณ์ริชมีเดียที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การเล่นเกมระดับ AAA ไปจนถึงการสตรีมมิ่งความละเอียดสูง แต่ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ทั้งการรองรับ DDR4-3200 MHz, PCIe 4.0 จำนวน 20 เลน, Intel Quick Sync Video, สื่อขั้นสูง (ถอดรหัส AV1 10bit/High-efficiency video coding 12bit, ถอดรหัส End-to-end, และการบีบอัดแบบ End-to-end), การแสดงผลขั้นสูง (HDMI 2.0 ในตัว, HBR3) และรองรับ Intel Thunderbolt 4 แบบแยก และ Intel Wi-Fi 6E

สนนราคา Rocket Lake เริ่มที่ประมาณ 182 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,589 บาท) สำหรับรุ่นเริ่มต้น Core i5 ราคานี้จะวิ่งไปจนถึง 539 ดอลลาร์สำหรับ i9 ตัวท็อประดับบนสุด (ราว 16,552 บาท)

รุ่นท็อป Intel Core i9-11900K เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.3GHz

สนนราคา Rocket Lake เริ่มที่ประมาณ 182 ดอลลาร์ (ราว 5,589 บาท) สำหรับรุ่นเริ่มต้น Core i5 ราคานี้จะวิ่งไปจนถึง 539 ดอลลาร์สำหรับ i9 ตัวท็อประดับบนสุด (ราว 16,552 บาท)


กำลังโหลดความคิดเห็น