บิตคอยน์ (Bitcoin) ทำสถิติสูงสุดนานต่อเนื่องเกือบ 2 วัน หลังจากเทสลา (Tesla) บริษัทรถไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประกาศกว้านซื้อสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 1,500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.4 หมื่นล้านบาท ไม่นาน Bitcoin มูลค่าพุ่งกระฉูดเกิน 48,000 ดอลลาร์ หรือ 1.4 ล้านบาท ก่อนที่จะลดลงเหลือ 45,960 ดอลลาร์ หรือ 1.3 ล้านบาท ซึ่งยังคงสูงกว่าสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 25%
ปรากฏการณ์บิตคอยน์ที่พุ่งกระฉูดเกิดขึ้นเพราะนักลงทุนบางรายใช้ความเคลื่อนไหวของ Tesla เป็นสัญญาณว่า Bitcoin จะกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินสกุลหลัก อย่างไรก็ตาม บางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยที่ Tesla ซึ่งเป็นบริษัทรถไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม กลับลงทุนในสกุลเงินที่ใช้พลังงานมากมายมหาศาลเช่นนี้
Tesla: Sells carbon credits to buy Bitcoin, which requires as much energy (not always Green energy) as a small country to mine... https://t.co/IFTPxPOOoe— Mike Butcher (@mikebutcher) February 8, 2021
ปัจจุบัน การผลิตสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin หรือที่เรียกว่า "การขุด Bitcoin" นั้นต้องการฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานและพลังไฟในการประมวลผลจำนวนมาก เงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin จึงได้ชื่อว่าเกิดขึ้นบนพลังงานมหาศาล มีการคำนวณพบว่าปริมาณพลังงานที่ใช้สร้าง Bitcoin นั้นมากกว่าปริมาณการใช้พลังงานของประเทศอาร์เจนตินาทั้งปี ซึ่งเป็นตัวเลขตามการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
สำหรับ Bitcoin นั้นเป็นเงินดิจิทัลรูปแบบหนึ่งซึ่งซื้อขายผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเงิน Bitcoin จะทำงานผ่านเครือข่ายฮาร์ดแวร์ทั่วโลกที่มีจำนวนนับแสนนับล้านเครื่อง ภายในเครือข่ายจะมีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นร่วมกันประมวลผลและจัดเก็บธุรกรรม จุดนี้ Tesla อธิบายว่า การลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบริษัทต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากกระแสเงินสดในบัญชีของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีแผนจะยอมรับการชำระเงินสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็น Bitcoin ในอนาคต
การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความสนใจในตลาด หุ้นของบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขาย Bitcoin และเทคโนโลยีในการขุดเงินคริปโต หรือ cryptocurrency ล้วนดีดตัวเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯ แต่บริษัทในจีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลียล้วนได้รับอานิสงส์ รวมถึงบริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น SK Hynix ที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นชัดเจน
ในภาพรวม สกุลเงินดิจิทัลมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้ว 62% ในปีนี้ ต่อยอดจากการเพิ่มขึ้น 300% ในปี 2020 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนพร้อมใจกันค้นหาสินทรัพย์ทางเลือก ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในหลายประเทศอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
แม้ Bitcoin จะได้รับความสนใจจากบริษัทด้านการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ธนาคารกลางของหลายประเทศก็ยังคงสงสัยและไม่เชื่อมั่นใจสกุลเงินดิจิทัล ในเดือนตุลาคม แอนดริว ไบเลย์ (Andrew Bailey) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับการใช้เงิน Bitcoin ระบุว่าเป็นวิธีการชำระเงินที่ไม่มี "มูลค่าที่แท้จริง" ซึ่งแตกต่างจากเงินสดหรือทองคำ
นอกจากฝ่ายนักลงทุนบางรายที่ยังระมัดระวังความผันผวนของราคา Bitcoin เป็นพิเศษ ฝ่ายผู้ที่เชื่อในสกุลเงินดิจิทัลกลับได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของ Tesla ทำให้เกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าเงินคริปโตคืออนาคต ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศเริ่มคลายมาตรการต่อต้านสกุลเงินดิจิทัล เช่นในประเทศจีน ที่หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มยอมรับการออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว