เป็นประเด็นเมื่อ แอปเปิล (Apple) เปิดตัวคอมพิวเตอร์แมคใหม่ 3 รุ่นที่ใช้ชิปไมโครโปรเซสเซอร์ของตัวเอง แอปเปิลตั้งชื่อเรียกชิปรุ่นแรกให้จำง่ายว่า “เอ็มวัน” (M1) ถือเป็นการขีดเส้นตีตัวออกห่างจากอินเทล (Intel) ผู้ผลิตและจำหน่ายชิปรายใหญ่ของโลก
ที่ผ่านมา แอปเปิลใช้ชิปอินเทลในคอมพิวเตอร์แมค (Mac) มาตั้งแต่ปี 2006 จนเมื่อเดือนมิถุนายน 2020 ภายในงานประชุมนักพัฒนา WWDC 2020 แอปเปิลออกมาประกาศแนวทางในการเปลี่ยนผ่าน Mac จากเดิมที่ใช้งานหน่วยประมวลผลจากอินเทลมาเป็นแอปเปิลซิลิกอน (Apple Silicon) ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ชัดเจนทั้งบน iPhone iPad และ Apple Watch โดยย้ำว่าจะทำให้ Mac มีชิป Apple Silicon เป็นของตัวเอง
วันนั้นมาถึงแล้ว แอปเปิลย้ำว่าชิป M1 จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ใน Mac ให้นานขึ้น เครื่องมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำงานบนระบบปฏิบัติการ MacOS เวอร์ชันล่าสุดอย่างบิ๊กเซอร์ (Big Sur) ได้ดีเยี่ยม แอปเปิลย้ำว่าจะเปิดตัว MacOS เวอร์ชันล่าสุดในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้
***M1 ตัวเปลี่ยนเกม
งานเปิดตัว Mac รอบนี้ถือเป็นงานเปิดตัวสินค้าหลักรอบที่ 3 ของแอปเปิลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไฮไลต์สำคัญคือ M1 ซึ่งเป็นชิปคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 5 นาโนเมตร มีจำนวนทรานซิสเตอร์กว่า 1.6 หมื่นล้านตัว มากที่สุดที่เคยมีใครใส่ไว้ในชิป โดย M1 จะถูกใช้ใน Mac 3 รุ่นใหม่
แม้หน่วยประมวลผลทั้ง 3 รุ่นจะใช้ชิปเวอร์ชันเดียวกัน แต่ประสิทธิภาพบน Mac แต่ละระดับราคาจะต่างกันเพราะการมีและไม่มีระบบระบายความร้อนมาช่วยให้ซีพียูทำงานหนักแบบต่อเนื่องได้นานขึ้น โดยที่อะแดปเตอร์ชาร์จยังสามารถใช้รุ่นเดิม บนเวลาการชาร์จเท่าเดิม
การเปลี่ยนมาใช้ M1 จะทำให้ Mac รุ่นใหม่ไม่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ แปลว่าชาว Mac ยุคใหม่จะไม่สามารถใช้งาน 2 ระบบปฏิบัติการควบคู่ไปได้อีกแล้ว และโปรแกรมที่รองรับ M1 ในช่วงแรกก็อาจจะมีจำกัด ซึ่งต้องรออัปเดต หรือใช้ผ่านแอปพลิเคชันชื่อ Rosetta ซึ่งจะจำลองแอปพลิเคชันที่รองรับชิปอินเทล ให้สามารถทำงานบนเครื่อง Mac ใหม่ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่าน
ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านหรือการ transition นี้ถูกกำหนดไว้ที่ 2 ปี แอปเปิลคาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี ในการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ Mac ไม่ว่าจะเป็น MacBook iMac จนถึง MacPro ให้มาใช้งานบน Apple Silicon ในขณะที่ระบบปฏิบัติการอย่าง macOS Big Sur นั้นถูกพัฒนาให้รองรับการทำงานร่วมกับ Apple Silicon แล้ว อะโดบี (Adobe) เป็นหนึ่งในบริษัทนำร่องที่มีความพร้อมทำงานร่วมกับ Apple Silicon แล้ว คาดว่าแอปพลิเคชันฮอตอย่างไลท์รูม (Lightroom) ที่รองรับ Apple Silicon จะเปิดตลาดได้ในเดือน ธ.ค.นี้ และ Photoshop ในต้นปี 2021
ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นการก่อร่างเพื่อสร้างฐานให้ Mac ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในอนาคต และช่วยให้แอปเปิลมีความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น รวมถึงนำเสนอคุณสมบัติใหม่ เช่น การเปิดเครื่องทันทีเมื่อคุณเปิดฝาบน MacBook Air หรือ Pro
***ทุกรุ่นคือที่สุด
บทสรุปที่ 2 จากงานเปิดตัว Mac ใหม่ที่สาวกควรรู้คือแอปเปิลเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นด้วยแมคมินิ (Mac mini) รุ่นใหม่ที่มากับชิป 8 คอร์อย่าง Apple M1 เช่นเดียวกับรุ่นอื่นในตระกูล Mac mini รุ่นใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น 3 เท่า ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และที่สำคัญคือ Mac mini แรงกว่าเดสก์ท็อปรุ่นที่ขายดีที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมาถึง 5 เท่า ในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
บทสรุปที่ 3 คือการเปิดตัวแมคบุ๊กแอร์ (MacBook Air) ที่มากับ Apple M1 ที่แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 3.5 เท่า ประมวลผลภาพได้แรงขึ้น 5 เท่า และเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไปในท้องตลาด MacBook Air รุ่นใหม่นี้จะแรงกว่า 98% ของโน้ตบุ๊กที่วางจำหน่ายในช่วงปีที่ผ่านมา
ในส่วนของระยะเวลาการใช้งาน MacBook Air รุ่นใหม่ 13 นิ้ว สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับโน้ตบุ๊กรูปทรงลิ่มที่ไม่ได้เปลี่ยนรูปทรงเลยนับตั้งแต่ผู้ก่อตั้งอย่าง “สตีฟ จ็อบส์” หยิบเครื่องออกจากซองเอกสารในงานเปิดตัวปี 2008 รุ่นใหม่รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 ปลดล็อกตัวเครื่องด้วย TouchID หน้าจอ 13 นิ้วแบบ Retina ที่ให้ค่าสีแบบ P3 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
บทสรุปที่ 4 คือแมคบุ๊กโปร (MacBook Pro) รุ่น 13 นิ้ว ถูกเปิดตัวพร้อมกับ Apple M1 ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นโน้ตบุ๊กสำหรับครีเอเตอร์ที่แรงที่สุดในตลาดเช่นเดียวกัน โดยสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2.8 เท่า
หากใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ ผู้ใช้จะท่องเว็บได้ต่อเนื่อง 17 ชั่วโมง และดูหนังได้นานถึง 20 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท
Mac ทั้ง 3 รุ่นจะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าตั้งแต่วันอังคารที่ 11 พ.ย.2020 และจะเริ่มส่งถึงลูกค้าในสัปดาห์ถัดไป
บทสรุปที่ 5 คือซอฟต์แวร์ใหม่ Mac รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับ Big Sur ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปเวอร์ชันล่าสุด ระบบปฏิบัติการนี้จะช่วยให้แอป iPhone และ iPad ทำงานบน Mac ได้โดยตรง การอัปเดตจะพร้อมใช้งานสำหรับเจ้าของอุปกรณ์ที่มีสิทธิ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ย. โดย Mac ทั้ง 3 รุ่นใหม่ก็จะมาพร้อม Big Sur เช่นกัน
ในภาพรวม “ทิม คุก” ซีอีโอแอปเปิล ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Mac เติบโตขึ้นถึง 30% และที่สำคัญกว่า 50% ของลูกค้าที่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของ Mac ไปยังกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยรีฟินิทีฟดาต้า (Refinitiv Data) สะท้อนว่า Mac เป็นสินค้าของแอปเปิลที่ทำรายได้ทะลุสถิติสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมา ตัวเลขรายรับทะยานขึ้นต่อเนื่อง 3 ไตรมาสหลังสุด สถิติเข้าใกล้ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ปีการเงิน 2020 ที่ผ่านมา
