เอไอเอส เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารให้แก่ภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ล่าสุด เอ็มโอยู สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ปทุมธานี ร่วมพัฒนาโซลูชัน 5G สร้างข้อได้เปรียบทางการผลิต และการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรม
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ปีนี้ เอไอเอส วางงบลงทุนเครือข่ายราว 35,000 ล้านบาท โดยมุ่งหวังที่จะนำขีดความสามารถของ Digital Infrastructure ที่แข็งแกร่ง มาสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งในฐานะเฟืองจักรสำคัญที่จะร่วมฟื้นฟูประเทศไทย
“ศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จะช่วยเร่งจังหวะการปรับตัวได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการส่วนงานต่างๆ การเพิ่มผลผลิต หรือการลดทอนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เอไอเอส ได้นำเอาขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานที่จะเข้ามาสนับสนุนการบริหารงาน การผลิต และระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ทั้งฟิกซ์ และโมบาย รวมถึงเทคโนโลยี 5G ให้รองรับโซลูชันการใช้งานอย่างครบวงจร ประกอบด้วย แพลตฟอร์มเชื่อมต่อและรวบรวมข้อมูล ฟรอนต์เอนด์ และแบ็กเอนด์สำหรับสนับสนุนผู้มีส่วนร่วมทุกคนที่ดำเนินธุรกิจในสวนอุตสาหกรรม
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร สวนอุตสาหกรรมบางกะดี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 33 ปีที่ผ่านมา สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ได้พัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนความร่วมมือจากเหล่าพันธมิตรชั้นนำของประเทศไทย
จนทำให้ปัจจุบัน สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ได้รับการประกาศเป็นสวนอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับที่ 5 จากกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นสวนอุตสาหกรรมน่าอยู่ควบคู่ชุมชน สำหรับความร่วมมือกับเอไอเอสในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมหลังเผชิญต่อภาวะวิกฤตครั้งที่ผ่านมา
ด้วยศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลจากเอไอเอส ทั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก และเทคโนโลยี 5G จะมีส่วนช่วยให้กระบวนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานและเพิ่มขีดความสามารถของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนต่อยอดสู่การสร้างกระบวนการทำงานรูปแบบใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2530 ตั้งอยู่บริเวณถนนติวานนท์ ตำบลบางกะดี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ เป็นสวนอุตสาหกรรมของเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อรองรับนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนขยายฐานการผลิตในประเทศไทย สร้างงานให้คนไทย ปัจจุบัน มีโรงงานกว่า 40 ราย มีอัตราการจ้างงานแรงงานกว่า 20,000 คน