ออปโป้ (OPPO) ย้ำภาพผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน 5G หลังจากส่งรุ่นแฟลกชิป OPPO Fine X2 5G ซีรีส์ ลงตลาด ตามด้วย OPPO Reno 4 ล่าสุด เพิ่มอีกรุ่นคลุมช่วงระดับราคา 12,990 - 40,990 บาท ชี้จุดเปลี่ยนสมาร์ทโฟน 5G จะเริ่มต้นในปี 64
ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในการทำตลาดสมาร์ทโฟนนอกจากแบรนด์ที่มีการนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้ามาให้ผู้บริโภคเลือกซื้อแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนจากโอเปอเรเตอร์ที่จะมาช่วยผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตได้เร็วขึ้น
“พื้นที่ให้บริการ และราคาค่าบริการจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G โดยเฉพาะในช่วงระดับราคาหมื่นต้นๆ ที่หมายถึงลูกค้าอาจจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าค่าบริการ 5G สูงกว่าในช่วงของ 4G”
โดยในวันนี้ OPPO ได้ประกาศถึงความพร้อมในการทำตลาดสมาร์ทโฟน 5G ที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับราคาหมื่นต้นๆ จาก OPPO Reno 4 Z 5G ตามด้วย OPPO Reno 4 Pro 5G ในช่วงราคา 2 หมื่นกลางๆ และ OPPO Find X2 5G ซีรีส์ ที่อยู่ในช่วงเกือบ 3 หมื่น-4 หมื่นบาท
“ตอนนี้ผู้บริโภคที่สนใจใช้งาน 5G สามารถเดินเข้าร้านค้าที่จำหน่ายสมาร์ทโฟนออปโป้ เพื่อเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G เพียงแค่ใส่ซิม และอยู่ในพื้นที่ให้บริการก็สามารถใช้งานได้แล้ว”
ผู้บริหารออปโป้ มองถึงการแข่งขันในตลาด 5G เวลานี้ จะอยู่ที่กลุ่มผู้ใช้งานระดับบนก่อน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจมากนัก ซึ่งการตอบรับของ OPPO Find X2 ซีรีส์ ในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยเปิดตลาดระดับไฮเอนด์ให้ออปโป้ได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ในส่วนของสมาร์ทโฟน 5G ราคาต่ำกว่าหมื่นบาทนั้น มีโอกาสที่จะได้เห็นในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า เพราะตามไทม์ไลน์มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมนำเข้ามาทำตลาดอยู่แล้ว แต่ยังมองในแง่ของกำลังซื้อ และความต้องการของผู้บริโภคอยู่
"ในช่วงต้นปี 2564 จะได้เห็นการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน 5G มากยิ่งขึ้น เพราะในช่วงเวลานี้ทุกแบรนด์ต่างเร่งเตรียมควมพร้อมในการทำตลาดกันอยู่ และเชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันสูงอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ การเปิดตัว OPPO Reno 4 Z 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 3 ของ OPPO ที่รองรับ 5G และนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ชูจุดเด่นในเรื่องของการรองรับ 5G แบบ SA/NSA หน้าจอแสดงผลแบบ 120 Hz กล้องหน้าคู่ กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล มีให้เลือก 2 สี คือ ขาว และดำ วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท
