นายกสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยมั่นใจตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ไทยสามารถต่อยอดได้จากปัจจุบันที่มีมูลค่าทะลุ 25,000 ล้านบาท ล่าสุด ภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ควงแขนภาครัฐจัดงาน “Bangkok International Digital Content Festival 2020” หนีโควิด-19 ด้วยการโกออนไลน์ภายใต้แนวคิด “VR BIDC” เพื่อให้สอดคล้องต่อทิศทางชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
นายกฤษณ์ ณ ลำเลียง นายกสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย และผู้แทนภาคอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดงาน Bangkok International Digital Content Festival หรือ BIDC เป็นงานมหกรรมของอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือของภาคเอกชน ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA และภาคเอกชนทั้ง 5 สมาคมของอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ไทย ประกอบด้วย สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (BASA) และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) ซึ่งที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน รวมถึงการสร้างเครือข่ายให้อุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ไทยสู่เวทีระดับสากล นับเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐที่ได้ร่วมกันผลักดัน ส่งเสริม และบูรณาการจนโครงการนี้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยงานในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-23 สิงหาคม 2563 ทั้งนี้ สอดคล้องต่อนโยบายที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นและสร้างเศรษฐกิจประเทศให้แข็งแกร่ง
“อุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์เป็นส่วนหนึ่งและมีความสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างมาก ดังที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ได้ใช้ธุรกิจดิจิทัล คอนเทนต์ในการขับเคลื่อนและส่งออกเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่าง คาแร็็กเตอร์ “คุมามง” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดคุมาโมโต ของประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเกม Pokemon ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1996 สามารถสร้างรายได้รวมมากกว่า 95,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น ดังนั้น การรวมตัวของกลุ่มคาแร็กเตอร์ เกม แอนิเมชัน เวอร์ชวล แอฟเฟกต์ อี-เลิร์นนิง และเทคโนโลยีใหม่ (emerging technology) ของไทยนับเป็นการนำความสร้างสรรค์ด้านเอกลักษณ์ไทยและความเป็นสากล ผนวกกับความสามารถของคนไทยในอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ และเสริมแกร่งด้านการแข่งขันกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ มีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาทให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมและการส่งเสริมจากภาครัฐ” นายกฤษณ์ กล่าว
มหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ “Bangkok International Digital Content Festival 2020” หรือ BIDC 2020 เป็นงานครั้งที่ 7 ภายใต้แนวคิด VR BIDC เป็นการจัดงานในรูปแบบออนไลน์ ที่รวมทั้งนิทรรศการ งานสัมมนาและการจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ที่อัดแน่นด้วยวิทยากรระดับโลกและไทย และผู้ประกอบการไทย-เทศกว่า 96 บริษัท
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รูปแบบการจัดงานในปีนี้ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ จึงเป็นที่มาในแนวคิด “VR BIDC 2020” ซึ่งสอดคล้องต่อทิศทางและการเปลี่ยนแปลงในยุควิถีความปกติใหม่ หรือ New Normal โดยกิจกรรมสำคัญที่เคยจัดขึ้นในรูปแบบออฟไลน์เปลี่ยนมาจัดในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด ประกอบด้วย 1.การจัดนิทรรศการแบบ Virtual Exhibition โดยผ่านแพลตฟอร์ม “Mozilla Hub” ที่ทุกท่านสามารถสแกน QR code เรียบร้อยแล้วเข้าไปร่วมชมผลงานของบริษัท คนไทยทั้งหมดที่มาจัดแสดงได้เสมือนไปชมของจริง
2.การจัด Business Matching ซึ่งเดิมเรา ต้องเชิญแขกจากประเทศต่างๆ มาร่วมจับคู่เจรจาที่จัดขึ้นในประเทศไทย แต่ในปีนี้รูปแบบการจับคู่เจรจาออนไลน์ (match online) ด้วยแพลตฟอร์ม Deal Room และ 3.การจัดสัมมนาด้วยระบบ Webinar สนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB โดยได้เชิญวิทยากรระดับโลกในสายงานดิจิทัล คอนเทนต์ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ เทคนิค และการปรับเปลี่ยนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยจัดขึ้นระหว่างในวันที่ 18-20 สิงหาคม 2563 รายละเอียดตารางสัมมนา เข้าไปที่เฟซบุ๊คเพจ Bangkok International Digital Content Festival
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าในปีนี้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ส่งผลให้ภาคธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสู่วิถีความปกติใหม่ หรือ New Normal กรมส่งเสริมฯ จึงได้ปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าในปีนี้เป็นรูปแบบออนไลน์ ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการดิจิทัล คอนเทนต์ทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาการค้าจำนวน 45 บริษัทจาก 15 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โปแลนด์ อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย และเวียดนาม และมีผู้ประกอบการไทยจำนวน 51 บริษัทร่วมเจรจาการค้าออนไลน์ครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้ประกอบการแอนิเมชัน 20 ราย คาแร็กเตอร์ 12 ราย อี-เลิร์นนิง 7 ราย และเกม 12 ราย ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนและผลักดันการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ไทย ให้เกิดความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับบนเวทีการค้าโลก ทั้งนี้ มีความเชื่อมั่นว่า BIDC จะเป็นส่วนสำคัญที่จะประกาศศักยภาพและความเชื่อมั่นในประเทศไทยให้กับผู้ประกอบการด้านดิจิทัล คอนเทนต์ทั่วโลก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า BIDC จะเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญระดับนานาชาติที่ผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสำคัญและเข้าร่วมกันทุกปีที่ประเทศไทย แต่ในปีนี้ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการจัดงานในรูปแบบออนไลน์แบบครบครัน
นางหริสุดา บุญยวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทีเส็บในฐานะองค์กรที่มีบทบาทในการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการระดับประเทศ รวมถึงการพัฒนาอีเวนต์นานาชาติขนาดใหญ่ของประเทศ เล็งเห็นว่า การผนึกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีความเข้มแข็งและเติบโตได้มากขึ้น โดยนำเสนอเครื่องมือสำคัญ “Virtual Meeting Space” สนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการจัดงาน รวมถึงการเพิ่มทักษะความรู้ในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ ที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดวิกฤตไวรัสระบาด ทีเส็บได้พัฒนาและจัดรูปแบบออกเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 1.Webinar หรือการประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ 2.O2O (Offline to Online) หรือการจัดงานแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และ 3.E-Learning Platform หรือศูนย์การเรียนรู้ คอร์สฝึกอบรมออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการไมซ์ เพื่อเพิ่มทักษะและทบทวนความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ในช่วงที่งานได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ทีเส็บมีความเชื่อมั่นว่าจะช่วยสนับสนุนและเอื้ออำนวยคณะผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์สามารถเข้าฟังและรับความรู้ในแขนงต่างๆ ของดิจิทัล คอนเทนต์ได้มากขึ้นด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพของทีเส็บ
นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า อุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ ประกอบด้วย ธุรกิจด้านเกม แอนิเมชัน คาร์แร็กเตอร์ไทย อี-เลิร์นนิง VR&CG และVFX กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วตามพัฒนาการของเทคโนโลยีโลกและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา และในสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบัน รัฐบาลในหลายประเทศต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ ส่งผลให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ ประชาชนใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมอี-เลิร์นนิงได้รับอานิสงส์ที่ขับเคลื่อนให้กลุ่มนี้มีการขยายตัว เนื่องจากทุกภาคส่วน รวมไปถึงประชาชนมีการปรับตัวและใช้การเรียนการสอนรวมไปถึงการทำงานผ่านรูปแบบ Online Live Streaming มากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้แก่อุตสาหกรรม ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในหลายปีที่ผ่านมา โครงการ Bangkok International Digital Content Festival มีผู้ประกอบการดิจิทัล คอนเทนต์จากต่างประเทศเข้าร่วมมากกว่า 200 บริษัท และผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 คน โดยสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ไทยมากกว่า 2 พันล้านบาท