ปณท ปรับแผนรับโควิด-19 เน้นจับมือพันธมิตร ลดการลงทุนขนาดใหญ่ ปิ๊งไอเดียผุดตู้รับฝากพัสดุ พุ่งเป้าบริการส่งยา ลดความแออัดสถานพยาบาล คาดเริ่มโครงการกลางปีหน้า พร้อมขยาย 30,000 แห่ง ภายใน 3 ปี
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า รายได้ครึ่งปี 2563 อยู่ที่ 12,937 ล้านบาท กำไร 865 ล้านบาท จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดส่งไปรษณีย์ไปยังต่างประเทศลดลงกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่เป้ารายได้ทั้งปีคาดการณ์ไว้ก่อนโควิด-19 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ดังนั้น ในปีนี้รายได้อาจได้รับผลกระทบ จึงต้องลดการลงทุนในสิ่งที่ยังไม่เร่งด่วน เช่น จากเดิมต้องขยายสาขา ก็เน้นปรับปรุงสาขาเก่าแทนการสร้างใหม่ และสร้างใหม่เฉพาะในพื้นที่ที่จำเป็นจริงก่อน โดยอาจเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเช่าแทนการสร้างเอง เป็นต้น คาดว่าจะลดเงินลงทุนปีนี้ 50% จากที่คาดการณ์ว่าจะลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท
จากนี้ไป ปณท จะเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรแทนการเขียนสัญญาจัดซื้อจัดจ้างซึ่งต้องมีกระบวนการนาน โดยเร็วๆ นี้จะมีโครงการสร้างตู้ฝากเอกสารชาญฉลาด ในลักษณะคล้ายกับตู้ i-box เพื่อให้ลูกค้าสามารถมารับเอกสารในตู้ดังกล่าวแทนการเดินทางไปรับที่ทำการ ปณท ในกรณีที่พนักงานไปรษณีย์จัดส่งให้ลูกค้าแล้วไม่อยู่บ้าน
ทั้งนี้ ตู้ดังกล่าวต้องมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บของ เช่น สามารถเก็บยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานร่วมกับ องค์การเภสัชกรรม หรือโรงพยาบาลในการจัดส่งยาให้ลูกค้าไปรับที่ตู้ แทนการไปโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างสัญญาจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อทำหน้าที่วางแผนการบริหารจัดการโครงการให้มีตู้ดังกล่าว 30,000 ตู้ ภายใน 3 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในกลางปีหน้า
"เนื่องจากสถานพยาบาลต่างๆ มีความต้องการบริการรูปแบบนี้จำนวนมาก เพื่อลดการมาโรงพยาบาล ให้สามารถไปรับยาใกล้บ้านได้สะดวก ซึ่งตู้ฝากยานี้อาจจะตั้งอยู่ในพื้นที่ ปณท พื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือพื้นที่หน่วยงานรัฐ"
นอกจากนี้ กำลังจะมีโครงการร่วมกับธนาคารกรุงไทย ในการเป็นตัวกลางเพื่อรับชำระค่าภาษีโรงเรือนให้แก่ประชาชนแทนการเดินทางไปชำระเองที่สำนักงานเขต รวมถึงจะมีการเป็นตัวแทนจำหน่ายโปรแกรมออฟฟิศ 365 ของไมโครซอฟท์ เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบล สามารถหาซื้อโปรแกรมได้สะดวกกว่าการตั้งงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างเอง
นายก่อกิจ กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานในอนาคตของไปรษณีย์ไทยจะพัฒนากลุ่มธุรกิจที่เคยเป็นฐานรายได้หลักคือกลุ่มธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ดั้งเดิมประเภทจดหมายไปสู่รูปแบบดิจิทัล โดยจะพัฒนาระบบการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรให้แก่ภาครัฐภาคธุรกิจและภาคประชาชนมีความปลอดภัยเป็นมาตรฐานเดียวกัน ได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ถือเป็นการปรับโฉมบริการดั้งเดิมให้เป็นบริการรูปแบบใหม่ที่จะรักษาฐานรายได้เดิมเอาไว้สร้างฐานรายได้ใหม่
ดังนั้น ปณท ต้องนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการการปรับปรุงรถยนต์ขนส่งให้เป็นรถควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสิ่งของฝากส่งไม่ให้เสียหายระหว่างทาง รองรับการจัดส่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบันซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำพร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่เกษตรกรผ่านไปรษณีย์ และเว็บไซต์ thailandpostmart ด้วย
อนึ่ง ในวาระครบรอบ 137 ปี ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวโครงการ "ไปรษณีย์ reBOX" ร่วมกับ บริษัท เอสซีจีแพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) รวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุที่ไม่สามารถใช้ได้แล้วเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้น้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อให้เด็กๆ ได้มีอุปกรณ์การเรียนที่เพียบพร้อมและเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการลดปริมาณขยะให้น้อยลง ปูทางไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้ที่สนใจสามารถรวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุมาส่งได้ที่ไปรษณีย์ไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไปรษณีย์จังหวัดและศูนย์ไปรษณีย์รวมทั้งสิ้น 141 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.-31 ต.ค.นี้